การประชุมใหญ่พรรคเศรษฐกิจไทย ครั้งที่ 2 มีมติเลือก ‘ธรรมนัส’ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค อุบเผยชื่อแคนดิเดตนายกฯ แต่มีในใจแล้ว ด้านโฆษกรัฐบาลไม่สนใจยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ ของฝ่ายค้านที่ยื่นซักฟอก

10 มิ.ย. 2565 สื่อ Voice TV รายงานวันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมภาณุรังสี โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ ในการประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 2/2566 พรรคเศรษฐกิจไทย ได้มีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยมี ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.พะเยา เป็นหัวหน้าพรรคแทน พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ด้วยคะแนน 357 คะแนน ขณะที่ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เป็นเลขาธิการพรรค ด้วยคะแนน 326 คะแนน บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย คะแนน 351 คะแนน และธนพร ศรีวิราช เป็นเหรัญญิกของพรรคเศรษฐกิจไทย คะแนน 340 คะแนน 

ด้านตำแหน่งผู้บริหารอื่นๆ ของพรรค ได้แก่

1. นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น
2. นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา
3. นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร
4. น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร
5. นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
6. พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
7. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก
8. นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน
9. นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา
10. นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.เขต1 นครราชสีมา
11. นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. เขต.1 จังหวัดตาก
12. นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ เขต 2
13. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล
14. นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
15. นายสุชาติ อุทัยวัฒน์
16. นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
17. นายธนสาร ธรรมสอน อดีตที่ปรึกษา รมช.เกษตรฯ
18. นายปัญญา พุกราชวงศ์
19. นายนพดล สงวนพันธ์ อดีตรองนายก อบจ.กาญจนบุรี
20. นายประมวล เอมเปีย

ทั้งนี้ กรรมการบริหาร (กก.บห.) ที่ได้ที่การเลือกเข้ามาใหม่ 4 คน คือ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.เขต 1 นครราชสีมา นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส. เขต.1 จังหวัดตาก นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ เขต 2 นายประมวล เอมเปีย โดยพบว่าชื่อของนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ที่เป็น กก.บห.ชุดเดิมนั้นไม่มีใน กก.บห.ชุดใหม่ด้วย

สำหรับกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารที่มาจากกรรมการบริหารพรรคจำนวน 8 คน ประกอบด้วย

1. นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์
2. นายสมศักดิ์ คุณเงิน
3. นายจีรเดช ศรีวิราช
4. นายพรชัย อินทร์สุข
5. น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ
6. นายยุทธนา โพธสุธน
7. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล
8. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข

กรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มาจากหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองจำนวน 4 คนประกอบด้วย 1.นายชานนท์ จิตต์จง หัวหน้าสาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช 2.นางเพทาย กุลฉันท์วิทย์ หัวหน้าสาขาจังหวัดกาญจนบุรี 3.นายนเรศ มูลไฝ หัวหน้าสาขาจังหวัดเชียงใหม่ 4.นายวัฒนา สมหวัง หัวหน้าสาขาจังหวัดขอนแก่น

กรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มาจากตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จำนวน 4 คนประกอบด้วย 1.นายสุธี พงษ์เพียรชอบ ตัวแทนประจำจังหวัดพะเยา 2.น.ส.ณตฤณ สุริวงษ์ ตัวแทนประจำจังหวัดสมุทรสาคร 3.นายสุจินต์ อินพหล ตัวแทนประจำจังหวัดกำแพงเพชร 4.นายกรรภิรมย์ กุยุคำ ตัวแทนประจำจังหวัดชุมพร

จากนั้น ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมใหญ่ของพรรคว่า ภารกิจหลังจากนี้คือ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 ซึ่งต้องมีการจัดตั้งผู้ดูแลการเลือกตั้ง และมอบหมายให้เลขาธิการพรรคเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคโดยด่วน 

ธรรมนัส พรหมเผ่า ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย

ธรรมนัส กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ลำปาง พรรคส่ง ‘วัฒนา สิทธิวัง’ อดีต ส.ส.ลำปาง ซึ่งถูกศาลฎีกายืนตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยการให้ใบเหลือง (สั่งเลือกตั้งใหม่) โดยลงสมัครอีกครั้ง ซึ่งวัฒนา ได้หมายเลข 3 ซึ่งมีความเป็นห่วงในเรื่องสัญลักษณ์ โดยอาจจะต้องแสดงสัญลักษณ์เพื่อให้เกิดความปรองดอง อาจจะแสดงเป็น 3 นิ้ว 'ผมรักคุณ' หรือ 'ไปด้วยกันข้างหน้า' แบบที่ตนทำอยู่บ่อยๆ 

ธรรมนัส กล่าวว่า การลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดลำปาง นับเป็นก้าวแรกสำคัญ และแชมป์เก่าเป็นของเราคือ วัฒนา สิทธิวัง ซึ่งถูกใบเหลืองไป พรรคจะแก้ตัวใหม่ พร้อมย้ำว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ทำเพื่อพี่น้อง จ.ลำปาง มาตลอด และเชื่อว่าภายใต้การนำพรรคเศรษฐกิจไทยของตนจะสามารถชนะใจชาวลำปางได้

ธรรมนัส ย้ำว่า แม้ว่าจะกรรมการบริหารพรรคจะเปลี่ยนแปลงไป แต่อุดมการณ์ก็ยังชัดเจนคือ อยู่เคียงข้างประชาชน สิ่งไหนที่เกิดประโยชน์กับประเทศ หรือพี่น้องประชาชนเราก็จะสนับสนุน หากสิ่งไหนสร้างความเสียหาย พรรคของตนจะคัดค้านทุกกรณี

"หลังจากนี้พรรคเศรษฐกิจไทยจะมีความเป็นเอกภาพในการทำงาน ตามที่พวกเราเห็นควรว่าทำอะไรเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองก็คงจะทำมากขึ้น" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว 

ธรรมนัส เสริมว่า ต่อจากนี้จะมีการแต่งตั้งทีมที่ดูแลทุกด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การศึกษา สาธารณสุข เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และกีฬา โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของผมก็ได้ไปทาบทามผู้มีความรู้ด้านนี้ ซึ่งบางท่านก็มีอุดมการณ์ร่วมกัน ส่วนบางท่านก็ไปในเส้นทางของตัวเอง

ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้คุยกับ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมิ่งขวัญ ก็มีอุดมการณ์ของตัวเอง และอยากทำการเมืองของตัวเอง แต่ไม่ได้แยกกันเดิน การเดินเป็นเพียงจุดเริ่มต้น มันยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะเดินไปด้วยกัน 

ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ธรรมนัส ระบุว่ามีคนในใจอยู่แล้ว ซึ่งต้องไปพูดคุยกับพี่น้องกรรมการบริหารพรรคก่อน 

"การเป็นผู้นำประเทศมีหลายปัจจัย คงยังไม่ขอพูดในเวลานี้ หากพูดไป คำพูดมันคือนายคน พูดแล้วทำไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียคน" ธรรมนัส ระบุ 

โฆษกรัฐบาลไม่สนยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’

วันเดียวกันนี้ (10 มิ.ย.) สำนักข่าว The Standard รายงานว่า ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติว่าจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคลในวันที่ 15 มิถุนายน ภายใต้ยุทธการ ‘เด็ดหัว สอยนั่งร้าน’ โดยรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นอภิปรายรวมทั้งสิ้น 10 คน ว่า เมื่อโหมโรงอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังหาข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้ตามที่อ้างไว้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด จึงหันมาใช้การอภิปรายแบบหว่านแหแทน เพื่อหวังฟลุกว่าการอภิปรายจะเข้าตาประชาชนเข้าสักคน สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิมคือ ขอเวลาอภิปราย 4-5 วัน เน้นจำนวนวันให้มากเข้าไว้ ถ้าอภิปรายครบทุกคนได้ฝ่ายค้านก็คงทำไปแล้ว ซึ่งเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฝ่ายค้านยุคนี้ประชาชนหวังพึ่งไม่ได้ เสียเวลาแก้ปัญหาให้กับประชาชนของสภาไปเปล่าๆ โดยที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากประชาชนต้องมานั่งทนฟังวาทกรรมเสียดสีและการบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่เป็นสัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องมาคอยชี้แจงข้อบิดเบือนต่างๆ เพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน แทนที่จะได้เอาเวลาไปเร่งแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน ซึ่งไม่แน่ใจว่าการอภิปรายครั้งนี้ฝ่ายค้านทำเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อรักษาหน้าของตัวเองกันแน่

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล

“การอ้างว่าจะเป็นการอภิปรายเพื่อเด็ดหัวนายกรัฐมนตรี และ ครม. เป็นรายบุคคลนั้น ไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านไปเอาความมั่นใจมาจากไหน และที่อ้างว่ามีใบเสร็จทางการเมืองที่จะชี้ให้เห็นนั้น ก็เห็นอ้างแบบนี้มาทุกครั้ง แล้วสุดท้ายก็เป็นฝ่ายค้านเองที่ถูกท่านนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกฉีกหน้ากลางสภาว่ามั่วข้อมูล ทำการบ้านแบบลวกๆ เหมือนกลัวว่าจะไม่ได้อภิปราย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าถ้าฝ่ายค้านมีใบเสร็จทางการเมืองที่ชัดเจนจริง คงเอาไปฟ้องหน่วยงานต่างๆ นานแล้ว คงไม่รอถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน ทั้งนี้ มั่นใจว่าท่านนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายนั้นจะสามารถชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจจนประชาชนหายสับสนได้อย่างแน่นอน” ธนกร กล่าว