23 พ.ย.นี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ว่าขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังกลุ่ม 77 ส.ว.ยื่นตีความไปเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมาในประเด็นเรื่องคุณสมบัตินักการเมือง ค่าสมาชิก และระบบเลือก ส.ส.ขั้นต้น(ไพรมารี่)

2 พ.ย.2565 เว็บไซต์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่ข่าวประเด็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… ในมาตรา 3-7 มาตรา 9 และ มาตรา 10 ที่สมาชิกวุฒิสภา 77 คน ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 132 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตราดังกล่าวในร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมืองขัดหรือแย้งกับมาตรา 45, 83, 86, 90 , 91 และมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่

ในข่าวระบุว่าศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอให้พิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 23 พ.ย.2565 เวลา 9.30 น.

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม 1ใน 77 ส.ว. กล่าวไว้เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2565 ถึงประเด็นหลักที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีดังนี้

1.อัตราค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองที่เรียกเก็บจากสมาชิก โดยลดค่าบำรุงพรรครายปี จาก 200 บาท เป็น 20 บาท และแบบตลอดชีพ จาก 2,000 บาท เป็น 200 บาท พล.อ.สมเจตน์มองว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งออกแบบให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง และกำหนดให้เก็บค่าบำรุงพรรค นั้นเป็นความสัมพันธ์กับการมีส่วนร่วมต่อพรรคการเมือง รวมไปถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมือง ดังนั้น การลดอัตราค่าสมาชิกพรรคดังกล่าวอาจเปิดช่องให้เกิดโอกาสที่มีผู้ออกเงินแทนและทำให้เกิดการครอบงำได้

2.การลดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่เดิมกำหนดความเข้มข้นห้ามบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค แต่ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองได้แก้ไขให้บุคคลที่มีมลทินสามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ ถือว่าขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญที่ป้องกันผู้ที่มีมลทินเข้าสู่การเมือง

และ 3.การแก้ไขการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.(ไพรมารี่) เดิมที่กำหนใด้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการเลือกตัวแทนไปเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบเขตเลือกตั้ง แต่ถูกแก้ไขให้กรรมการสรรหาของพรรคเป็นผู้เลือกตัวแทนไปดำเนินการ ขณะที่กระบวนการไพรมารี่ของผู้สมัคร ส.สบัญชีรายชื่อ เดิมกำหนดให้การเรียงลำดับ จะมาจากคะแนนผู้ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกพรรคด้วยคะแนนสูงสุด ลดหลั่นไป แต่ถูกแก้ไขให้กรรมการสรรหาจัดลำดับได้เองถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ