ถาม ‘โหวตเตอร์’ ทำไมถึงเลือกมาฟังปราศรัยครั้งสุดท้าย ‘พรรคพลังประชารัฐ’

อินโฟกราฟิก: กิตติยา อรอินทร์

#เลือกตั้ง66 ฟังเสียง ‘โหวตเตอร์’ ทำไมถึงเลือกมาฟังปราศรัยเวทีสุดท้ายของ ‘พรรคพลังประชารัฐ’

“จริงๆ แล้วลุงตู่เขามีความเป็นผู้นำสูง เขาเป็นคนฉลาด เขาเป็นคนเก่ง แต่เขาบริหารไม่เป็น ส่วนลุงป้อมเขามีความประนีประนอม อ่อนน้อม อ่อนโยน อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ อะไรยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันอะไรแบบนี้ ต่างกันตรงอุปนิสัยใจคอ” - ธัญชนก เขตบางแค
“วันนี้ตั้งใจมาฟัง แต่วันที่ 14 พ.ค. กาเบอร์ไหนค่อยว่ากันในคูหา” - โชคชัย เขตลาดกระบัง
“ผมก็ไปฟังทุกพรรคแหละครับ แล้วแต่ว่าง ว่างช่วงไหนเราก็มา ได้ฟังลุงป้อม ได้เจอลุงป้อมมันก็สไตล์ของใครของมัน พรรคเพื่อไทยก็สไตล์หนึ่ง ก้าวไกลก็สไตล์หนึ่ง ลุงตู่ก็สไตล์หนึ่ง แต่ละนโยบายของพรรคก็ไม่เหมือนกัน วันที่ 14 ก็ไปตัดสินใจกันเอาเอง” - นพวิทย์ เขตลาดกระบัง

เปิดตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ 12 พ.ค. 66

ลุงป้อม ทำท่าเบอร์พรรค 37 | 12 พ.ค. 66 เวทีใหญ่ พปชร.

ธัญชนก, กรุงเทพฯ เขตบางแค

“เพราะว่าเราต้องการฟังนโยบายจากปากของท่านประวิตร ฟังดีเบตจากในทีวีแล้วมันไม่ค่อยชัดเจน พอเรามาวันนี้โค้งสุดท้ายเขาย่อมปล่อยอะไรเด็ดๆ มันก็จะได้รู้อะไรดีๆ

พี่เชียร์พลังประชารัฐมาหลายรอบ เพราะในเขตของพี่ อย่างคุณโอเล่ (เอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ เขตบางแค) เขาก็ลงพื้นที่ตั้งแต่สมัยลง ส.ก. แล้วก็ช่วงโควิด พี่ก็เลยประทับใจในตัวเขา

จริงๆ พี่อยากฝากนะว่าการที่เราจะตัดสินใจเลือกใครให้เราวิเคราะห์ดีๆ ในนโยบาย ไม่อยากให้เลือกเพราะเขาซื้อเสียง อย่างพรรคลุงป้อมเขาก็มีนโยบายที่ดี เช่น เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ท่านก็มีนโยบายลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน ลดแก๊สอะไรอย่างนี้ เป็นนโยบายที่ประชาชนอย่างเราจะเข้าถึง ถ้าเขาสามารถบริหารนโยบายนี้ได้จริง ความเป็นอยู่ประชาชนก็จะดีขึ้น อย่าง 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนแย่ แล้วอีกอย่างมันมีปัญหา เพราะฉะนั้นการก้าวข้ามพี่คิดว่าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มันโอเค”

นอกจากนี้ ธัญชนกยังให้ความเห็นเรื่องความแตกต่างของประวิตร - ประยุทธ์ และเหตุใดเธอถึงเลือกที่จะโหวตให้ประวิตรมากกว่า

“จริงๆ แล้วลุงตู่เขามีความเป็นผู้นำสูง เขาเป็นคนฉลาด เขาเป็นคนเก่ง แต่เขาบริหารไม่เป็น ส่วนลุงป้อมเขามีความประนีประนอม อ่อนน้อม อ่อนโยน อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ อะไรยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันอะไรแบบนี้ ต่างกันตรงอุปนิสัยใจคอ”

และเธอยังบอกว่าถ้ามีพรรคของพลเอกประยุทธ์ พรรคเดียวเธอก็ไม่เลือกอยู่ดี “เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาทำไมคุณไม่ทำ แล้วถ้าคุณจะมาทำตอนนี้มันสายไปไหม พี่ว่าถ้าพี่เป็นคุณประยุทธ์พี่จะไม่กล้ามาตั้งพรรคลงเลือกตั้ง โดยส่วนตัวพี่กับประยุทธ์ไม่ได้มีอะไรบาดหมางกัน แต่ที่พี่ไม่ชอบคือการบริหารบ้านเมืองของเขาแค่นั้นเอง”

“อยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนจะเลือกอะไรก็ให้ตัดสินใจดีๆ คิดดีๆ ว่าสิ่งที่เราจะได้จริงไหม สิ่งที่เขาจะให้เราจริงไหม เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่านโยบายขายฝันที่เราก็พอจะรู้กัน พอจะดูออกอันไหนคือขายฝัน อันไหนคือจริง” ธัญชนก กล่าวทิ้งท้าย

ลุงโชคชัย เขตลาดกระบัง

“วันนี้ตั้งใจมาฟัง แต่วันที่ 14 พ.ค. กาเบอร์ไหนค่อยว่ากันในคูหา”

คุยกับ ‘ลุงโชคชัย ชาวเคหะชุมชนร่มเกล้า’ ขณะรอรถกลับบ้าน ลุงโชคชัยเล่าว่า วันนี้มากับหมู่คณะชาวร่มเกล้า ออกมาจากบ้านตั้งแต่ตอนเที่ยง มาถึงนี่ประมาณบ่ายโมง โดยตั้งใจมาเวทีนี้เวทีเดียว เพราะเหนื่อยแล้ว

หลังจากฟังปราศรัยเสร็จ โชคชัยกล่าวว่า “ทุกพรรคนโยบายคล้ายๆ กัน ฟังนโยบายก็ดี จะช่วยเหลือประชาชนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกอะไรนะ”

“อยากให้ผู้นำประเทศช่วยเหลือคนยากคนจนจริงๆ ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกัน ให้ทุกคนเคารพกฎหมาย อยากให้ทุกคนมีความเสมอภาค ให้เข้าถึงชุมชนสลัมดูว่าประชาชนอยู่กินกันยังไง มีงานทำไม เศรษฐกิจอย่างนี้ของแพงขึ้นทุกอย่าง น้ำมันก็แพง ไม่รู้จะแก้ไขกันยังไง

ที่แล้วมาทุกนายกฯ นโยบายเขาก็ดีกันทุกคนนะ แต่พอเวลาเป็นแล้วไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบชุมชนสลัมเลย มีทั้งเด็กติดยา เด็กตกงาน พวกนี้น่าสงสาร อยากให้ช่วยปราบปรามพวกยาเสพติด แล้วก็ช่วยหางานให้เขาทำ มันก็แก้ไขปัญหาได้มากเลย”

โดยสิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นปัญหาอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขอย่างจริงจังคือ ‘ปัญหายาเสพติด’

“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ เติบโตในซอยพระเจน ซอยโปโล เห็นสลัมคลองเตยมาตั้งแต่เด็กๆ คนที่ย้ายไปอยู่เคหะร่มเกล้าส่วนมากจะมาโดนไล่ที่มากจากสลัมคลองเตยโซน 9 โซน 7 แล้วพวกนี้จะติดยามา สมัยก่อนตอนผมเข้ามายังไม่มียาบ้า ยาอี ยาไอซ์ มีแต่พวกเฮโรอีน พวกผงขาว ตอนนี้พวกยาบ้าเต็มไปหมด

ผมอยากให้รัฐบาลปราบปรามจริงจัง ขนาดนายกฯ ทักษิณยังจัดการไม่ได้เห็นไหม อันนี้ผมเน้นเลยอยากให้ปราบปราม เพราะมันน่าสงสาร ถ้าไม่ปราบปรามเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาก็จะทำตามๆ กัน อยากให้ปราบปรามมันสำคัญมาก”

แล้วคิดว่ารัฐบาลที่นำโดยพลเอกประวิตร จะแก้ปัญหานี้ได้ไหม เขาตอบว่า

“ผมคิดว่าทักษิณทำไม่ได้ แล้วใครจะทำได้”

“ส่วนตัวผมยังไม่แน่ใจในตัวลุงป้อม ถ้าผู้นำทหารผมไม่ค่อยแน่ใจนะ เพราะว่าเขาไม่ได้มาจากประชาธิปไตย ส่วนมากเขาจะเผด็จการยึดอำนาจมาอะไรอย่างนี้ ผมไม่ชอบตรงนี้ อีกอย่างพวกชาวต่างชาติเขาก็ไม่ให้ความร่วมมือด้วย กับระบอบการปกครองแบบยึดอำนาจมา”

ลุงนพวิทย์ เขตลาดกระบัง

“มาฟังเวทีพลังประชารัฐ เพราะวันนี้ว่างพอดี”

“ผมก็ไปฟังทุกพรรคแหละครับ แล้วแต่ว่าง ว่างช่วงไหนเราก็ไป ได้ฟังลุงป้อม ได้เจอลุงป้อมมันก็สไตล์ของใครของมัน พรรคเพื่อไทยก็สไตล์หนึ่ง ก้าวไกลก็สไตล์หนึ่ง ลุงตู่ก็สไตล์หนึ่ง แต่ละนโยบายของพรรคก็ไม่เหมือนกัน วันที่ 14 ก็ไปตัดสินใจกันเอาเอง”

ลุงนพวิทย์ เล่าว่าตนจะพิจารณาเลือกจากนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งก็ไม่เหมือนกัน ถ้าอายุ 18-30 ปี ก็จะชอบนโยบายอีกแบบ ส่วนคนแก่ก็อาจจะชอบนโยบายอีกแบบ ส่วนตัวเขาที่อายุ 59 ปี ซึ่งกำลังจะได้ใช้สวัสดิการผู้สูงอายุในปีหน้า เขาให้ความเห็นว่า

“นโยบายผู้สูงอายุก็มีทุกพรรคนะ ตอนนี้ผู้สูงอายุได้คนละ 600 บาท/เดือน เฉลี่ยก็วันละ 20 บาทใช่ไหม หนึ่งเดือนไม่พอหรอก สำหรับผู้สูงอายุอัตรา 3,000 บาท/เดือน ถึงจะพอ อยากบอกทุกพรรคว่าถ้าได้เป็นต้อง 3,000 บาทถึงจะพอ เพราะผู้สูงอายุจะไม่มีรายได้อะไร ต้องรอลูกส่งมาให้ ส่วนตัวลุงยังมีประกันสังคม ยังพออยู่ได้ แต่บางคนต้องรออาศัยเงินจากลูกอย่างเดียว”

โดยในกรุงเทพฯ 3,000 บาทก็อาจจะยังไม่พอ เฉลี่ยวันละ 100 บาท ค่าครองชีพมันแพง เข้าไปร้านข้าวแกงก็จานละ 40 - 60 บาทแล้ว แต่ก็ยังพออยู่ได้ โชคชัยยกตัวอย่างนโยบายของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่น่าสนใจ และตอบโจทย์กับค่าครองชีพในปัจจุบัน

“เพื่อไทยเขาบอกค่าแรงขั้นต่ำ 600 -700 บาท จบปริญญาตรี 25,000 มันน่าจะพอกับค่าครองชีพในปัจจุบัน นโยบายเพื่อไทยเขาก็จะแจ่มกว่า”

ส่วนเรื่องความคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาบอกว่า “ถ้าทุกพรรคการเมืองทำตามนโยบายที่หาเสียงได้ ก็ถือว่าโอเค พี่น้องประชาชนก็คาดหวังหมดนั้นแหละ ว่าจะเกิดการปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เราก็เข้าใจว่าท่านประยุทธ์เข้ามาก็เจอปัญหาโควิดพอดี ต้องให้ความเป็นธรรมแกบ้าง รัฐบาลไหนเข้ามาตอนโควิดก็คงจะหนักเหมือนกัน”

“ฝากถึงพรรคการเมืองว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้กับประชาชน ทุกคะแนนเสียงเขามีความหวังว่าประเทศจะดีขึ้น” - ลุงนพวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าว