Skip to main content
sharethis

นักวิชาการคาดกรรมการนโยบายการเงินแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยหลังแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง นโยบายการเงินหรือมาตรการการเงินต้องช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยด้วย โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชน ของธุรกิจรายเล็กราย่อย รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 91% ต่อจีดีพี การเป็นหนี้สูงไม่ได้เกิดจากเพราะการมีดอกเบี้ยที่ต่ำและนานเกินไปหรือปัญหาวินัยทางการเงิน 


         
24 ก.ย. 2566 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนให้ความเห็นคาดว่ากรรมการนโยบายการเงินแบงก์ชาติคงอัตราดอกเบี้ยหลังแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นเพียง 0.88% เป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมราคาอาหารและพลังงานชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่แค่ 0.79% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ระดับ 0.88% และ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ระดับ 0.79% นับเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายต่อเนื่องเป็นเดือนที่สูงต่อเนื่องกัน สะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงรัฐบาลรักษาการก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐาได้ ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนว่า มีอัตรากำลังการผลิตส่วนเกินอยู่จำนวนมาก ไม่มีสัญญาณใดๆที่แสดงถึงอุปสงค์ส่วนเกินร้อนแรง ในระยะ 8 เดือนแรกอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายพอสมควร โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.01% และ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.61% อัตราเงินเฟ้อในไทยและโลกอาจเร่งตัวขึ้นได้อีกจากราคาพลังงานและราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มองราคาน้ำมันอาจกลับมาทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีก การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปคพลัส ทำให้น้ำมันดิบสำรองขาดอยู่ประมาณ 313 ล้านบาร์เรล ขณะที่ อุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ที่ 2.44-2.45 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี พ.ศ. 2566-2567 ขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กองทุนบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้าต่างกระโจนเข้าสู่การเก็งกำไรในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่า ซาอุดิอารเบีย และ รัสเซีย จะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงวันละ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent แตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 93-94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันระดับดังกล่าวย่อมสร้างแรงกดดันเงินเฟ้อจากต้นทุนอีกระลอกหนึ่งในช่วงไตรมาสสี่ อย่างไรก็ตาม กรณีของไทย มีการใช้มาตรการภาษีและกองทุนน้ำมันอุดหนุนราคาน้ำมัน ทำให้ราคาภายในประเทศไม่สูงจนเกินไปแต่จะเพิ่มภาระทางการคลังมากขึ้นเรื่อยๆหากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงนาน ค่าไฟฟ้าถูกตรึงราคาไว้โดยการยืดการชำระหนี้ให้ กฟผ ไม่ใช่การปรับสัญญาสัมปทานผลิตไฟฟ้าให้เป็นธรรม ซึ่งจะเป็นภาระของรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณมาชำระหนี้ให้ กฟผ ต่อไป  

รศ.ดร.อนุสรณ์  กล่าวต่อว่า ขณะที่เงินเฟ้อระยะยาวมองว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% หรือไม่ ก็ต้องพิจารณาประเด็นนโยบายประชานิยมกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันด้วย  โจทย์ของนโยบายการเงินปรับเปลี่ยนไป โดยปัจจัยเฉพาะหน้าระยะสั้นเรื่องเงินเฟ้อควบคุมได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็คงต้องดูภาพเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพระยะยาวหรือไม่ นโยบายการเงินหรือมาตรการการเงินต้องช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยด้วย โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชน ของธุรกิจรายเล็กราย่อย รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 91% ต่อจีดีพีนั้น การเป็นหนี้สูงไม่ได้เกิดจากการมีดอกเบี้ยที่ต่ำและนานเกินไปหรือปัญหาวินัยทางการเงิน แต่เกิดจากปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรมและความไม่สามารถในการมีรายได้มากพอและเพียงพอต่อรายจ่ายมากกว่า จึงต้องก่อหนี้ไป เรื่อย ๆ การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับที่สูงเกินไป จะสร้างปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ซับซ้อนและแก้ไขยากยิ่งขึ้น   

แม้นธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดคงอัตราดอกเบี้ยแต่ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 22 ปีไว้นานขึ้น ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง โดยตลาดการเงินโลกจะมีความผันผวนและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกจากอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของตลาดตราสารหนี้โลก และ เริ่มมีสัญญาณของวิกฤติในบางประเทศ ส่วนของประเทศไทยนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน  ตราสารหนี้ Junk Bond ไทย มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้เพิ่ม ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระรวมมูลค่ามากกว่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท มีทั้งผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างหลาย ๆ รุ่น ผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วน และผิดนัดชำระเฉพาะดอกเบี้ย รวมถึงมีบริษัทที่ผิดนัดแต่เจรจาเปลี่ยนเงื่อนไขชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้แล้ว เมื่อนับรวมการผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมดในปี 2566 โดยรวมบริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้มาก่อนหน้านี้แล้วยังไม่ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย จะมียอดผิดนัดชำระหนี้รวม 7 บริษัท รวมหุ้นกู้ 23 รุ่น มูลค่าหุ้นกู้รวมกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ มูลค่าคงค้างของหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ ต่อมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ภาคเอกชน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมกันอยู่ที่ 4.87 ล้านล้านบาทแล้ว ก็ยังถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก ประมาณ 0.48% เท่านั้น ยังถือว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยโดยภาพรวมยังมีเสถียรภาพและยังไม่มีสัญญาณวิกฤติใดๆ  ต้นทุนการระดมทุนในต่างประเทศของไทยอาจปรับตัวสูงขึ้นบ้างในอนาคต ขณะที่ ตราสารหนี้ไทยถูกปรับลดน้ำมันการลงทุนลงโดยเจพี มอร์แกนและสถาบันการเงินระดับโลกอื่นๆ กรณีล่าสุด หุ้นกู้ JKN ผิดนัดชำระหนี้นั้นเป็นผลจากการไม่สามารถบริหารสภาพคล่องได้ตามแผนและมีการขยายการลงทุนเกินตัว 

ลดความเสี่ยงในการถูกผิดนัดชำระหนี้ เวลาซื้อหุ้นกู้ ก็แนะนำให้ เลือกหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ๆ หน่อย อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะเป็นระดับ Investment Grade ขึ้นไป รวมถึงอาจจะเลือกหุ้นกู้ที่มีหลักประกันอยู่ เพื่อที่หากเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็สามารถเรียกชำระหนี้จากหลักประกันนั้นได้ ในภาวะที่ดอกเบี้ยสูงแบบนี้ ผู้ลงทุนหุ้นกู้ไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง เพราะท่ามกลางดอกเบี้ยที่สูง ทำให้ต้นทุนการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ดังนั้นก็อาจจะทำให้บางบริษัทที่ตั้งใจจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อมาชำระคืนหนี้เก่า ออกหุ้นกู้ไม่ไหว เพราะดอกเบี้ยแพงเกินกว่าจะรับได้ 5 กลุ่ม ที่ออกหุ้นกู้มากที่สุด ครึ่งแรกปี 2566 ธุรการการเงิน 123,400 ล้านบาท พลังงาน 107,797 ล้านบาท ธนาคาร 90,529 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ 86,888 ล้านบาท สื่อสาร 48,992 ล้านบาท

รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ส่วนตลาดตราสารหนี้โลกนั้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐ ยุโรปและหลายประเทศอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้โลกเป็นอย่างมาก ทำให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้เก็งกำไรต่ำกว่า Investment Grade ของทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1.9% ในปี 2022 ซึ่งเป็นอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา และตราสารหนี้ของเอเชียแปซิฟิค เพิ่มขึ้นมาก เป็น 6.4% ในเมื่อปีที่แล้วและไตรมาสสี่ปีนี้น่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์และหนี้เสียที่เกิดขึ้นในประเทศจีน การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางจีนช่วยบรรเทาปัญหาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบว่าในเอเชีย มี Average Time to Default เร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ปัญหาฟองสบู่และหนี้เสียในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนส่งผลต่อภาคส่งออกไทยอย่างมีนัยยสำคัญ การขาดดุลแฝดทั้ง ดุลบัญชีเดินสะพัด และ ดุลงบประมาณ จะกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยอาจจะได้เห็นเงินบาทแตะระดับ 37-38 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคส่งออกและการปรับสมดุลให้กับเศรษฐกิจภาคต่างประเทศของไทย นอกจากนี้  คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยไตรมาสสามปีหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังจากจัดการกับปัญหาเสถียรภาพราคาได้แล้ว หลังอัตราเงินเฟ้อปรับลงมาอยู่ในระดับเป้าหมาย 2%  


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net