Skip to main content
sharethis

กมธ.ทหารจัดเสวนาเรื่องการใช้พื้นที่ทหาร 'วิโรจน์' ขอกองทัพปรับพื้นที่สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ให้ประชาชนร่วมใช้ประโยชน์ เปิดเผยผลประกอบการอย่างโปร่งใส และหากเป็นไปได้ควรส่งต่อให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ชี้จะฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างทหารกับประชาชนได้ กองทัพต้องโปร่งใส-ตรวจสอบได้ 

10 มี.ค. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (10 มี.ค.) คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร จัดงานเสวนาเรื่อง “การใช้พื้นที่ทหาร บทบาทหน้าที่ของทหารกับท้องถิ่นในการพัฒนาประเทศ” ที่ร้านอาหารพริ้มเพลิน อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทหาร พร้อมด้วย เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล เอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ เขต 10 พรรคก้าวไกล และจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการทหาร ร่วมเสวนา 

วิโรจน์กล่าวว่า มียุทโธปกรณ์หลายแบบที่กองทัพจำเป็นต้องจัดซื้อเพื่อป้องกันประเทศ แต่ทุกวันนี้เมื่อมีข่าวว่ากองทัพขอจัดซื้อยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ จะเกิดแรงต้านจากประชาชนทันที สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างทหารกับประชาชน ซึ่งทำให้การจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นต่อความมั่นคงอย่างแท้จริงลดทอนประสิทธิภาพลง ดังนั้น พันธกิจสำคัญของคณะกรรมาธิการทหารคือการผสานทหารกับประชาชนให้กลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน เข้าอกเข้าใจกันในเชิงเหตุผล และตรวจสอบกันอย่างสมเหตุสมผล มีเนื้อหาสาระ ไม่ใช้อคติหรือความเกลียดชังมาตัดสินกัน 

วิโรจน์ย้ำว่า การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ที่ดีจะไม่เกิดขึ้นจากการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) หรือปฏิบัติการจิตวิทยา แต่คือการสร้างความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์และชี้แจงในลักษณะที่เข้าใจประชาชน ถ้าหากกองทัพยังอ้างว่าทุกอย่างเป็นเรื่องความมั่นคง ปิดหูปิดตาไม่ให้ประชาชนรับรู้ ความไว้เนื้อเชื่อใจก็คงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือและกองทัพอากาศให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการฯ เป็นอย่างดีในการดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น และในอนาคตคณะกรรมาธิการฯ ก็จะประสานความร่วมมือกับกองทัพบกต่อไป เข้าใจว่าบางครั้งการสื่อสารระหว่างประชาชนกับกองทัพมีข้อจำกัด ฉะนั้น หากกองทัพชี้แจงทุกอย่างให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ คณะกรรมาธิการฯ ก็จะสามารถช่วยสื่อสารต่อประชาชนได้

“เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่เราต้องช่วยกันรังสรรค์ให้เกิดขึ้น และดีกับทุกฝ่าย ก็คือการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารและพลเรือน ภายใต้ความโปร่งใส การตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ และการชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณะอย่างเข้าอกเข้าใจ” วิโรจน์กล่าว

ส่วนในด้านการใช้พื้นที่ทหารให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน วิโรจน์กล่าวว่ามี 3 แนวทางที่กองทัพควรพัฒนาและปรับเปลี่ยน คือ

1. การปรับปรุงพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของเมือง การใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพของประชาชน เช่น การปรับปรุงพื้นที่สนามกอล์ฟให้เป็นสวนสาธารณะหรือศูนย์กีฬา ที่ประชาชนร่วมใช้ได้ในราคาที่เหมาะสม การจัดสรรพื้นที่รกร้างให้เป็นพื้นที่ทำกินให้กับประชาชน ตลอดจนการวางแผนขยับขยายให้ค่ายทหารย้ายออกไปจากพื้นที่เมือง

2. ความโปร่งใสและการเปิดเผยบัญชีผลประกอบการต่อสาธารณะ เช่น มีการจัดสรรผลกำไรไปบำรุงสวัสดิการให้กับนายทหารที่มีระเบียบรองรับอย่างชัดเจน ประชาชนตรวจสอบได้ มีการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ หรือปันรายได้ให้กับแผ่นดินในอัตราที่สมเหตุสมผล

3. การเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้มีการดำเนินการที่ตรงกับความต้องการของประชาชน ในบริบทที่เข้าใจกองทัพ ทั้งนี้ เพื่อให้กองทัพและประชาชนอยู่ในสถานะเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน และถ้าเป็นไปได้ หากไม่ได้มีความจำเป็นในด้านการจัดสวัสดิการภายใน และท้องถิ่นมีความพร้อม การถ่ายโอนพื้นที่ให้กับท้องถิ่นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เชตวัน กล่าวถึงกรณีการขอคืนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์เพื่อนำมาทำเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนว่า ตนเห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ 625 ไร่ของกองทัพอากาศอยู่ใจกลางเมืองปทุมธานี ในขณะที่ประชาชนรอบข้างกว่า 300,000 คนต้องอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น ไม่มีพื้นที่ออกกำลังกาย ต้องไปวิ่งบนฟุตบาท รถยนต์เฉี่ยวไปมา เสี่ยงต่ออันตราย จึงมองว่า หากนำพื้นที่ขนาดใหญ่นี้มาทำเป็นสวนสาธารณะหรือศูนย์กีฬาก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยย้ำว่า ตนมองเรื่องของการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นหลัก ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมีปัญหาหรือต้องการทวงคืนพื้นที่ของกองทัพเป็นพิเศษ

เอกราช กล่าวถึงกรณีสนามกอล์ฟกานตรัตน์หรือสนามงูว่า สนามกอล์ฟดังกล่าวอยู่คั่นกลางระหว่างสองรันเวย์ของสนามบินดอนเมือง ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายและการขัดมาตรฐานการบิน จึงสมควรจะปรับเปลี่ยนและพัฒนาพื้นที่ใหม่ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

ต่อสองกรณีข้างต้น วิโรจน์กล่าวว่า แต่เดิมดอนเมืองและปทุมธานีเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่มากนัก กองทัพอากาศจึงได้รับพื้นที่ตรงนี้มาใช้ประโยชน์ แต่ต่อมาเมื่อเมืองเติบโตขึ้น ดอนเมืองและปทุมธานีก็กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่น จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งตนขอชื่นชมผู้บัญชาการทหารอากาศคนปัจจุบันที่เข้าอกเข้าใจการพัฒนาเมืองและประชาชน จึงเตรียมส่งคืนสนามกอล์ฟกานตรัตน์ให้รัฐบาลนำไปพัฒนาต่อแล้ว ซึ่งต้องรอติดตามต่อไปว่ารัฐบาลจะพัฒนาพื้นที่ไปอย่างไร จะมีการขยายหลุมจอดเครื่องบินเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเพิ่มเติมหรือไม่ 

ส่วนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศก็รับปากว่าจะพัฒนาเป็นศูนย์กีฬาเพื่อประชาชน ซึ่งต้องรอติดตามตรวจสอบต่อไปว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร มีความโปร่งใสหรือไม่ ดังนั้น วิโรจน์ย้ำว่า นี่คือการประนีประนอมที่พบกันครึ่งทาง ประชาชนได้ประโยชน์ ในขณะที่กองทัพก็ยังคงจัดสวัสดิการได้ ภายใต้พื้นฐานความโปร่งใสในการบริหารจัดการ

“ก้าวไกลทำงานร่วมกับกองทัพได้ ภายใต้พื้นฐานของความโปร่งใสและมืออาชีพ” วิโรจน์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net