Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาทุจริตฯ ภาค 5 นัดสืบพยานเดือน ก.ย 67 กรณีพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต เสียชีวิตหลังเข้ารับการฝึกทหารเกณฑ์พลัด 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช ขณะที่ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม หวังสื่อและประชาชนสนใจติดตามเพื่อให้มั่นใจว่าครอบครัวพลทหารกิตติธรจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริงและได้รับการชดใช้เยียวยา รวมถึงสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย  เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และยุติวัฒนธรรมลอยนวลของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างเป็นจริง 

28 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่้านมา เวลา 9.30 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นัดตรวจพยานหลักฐาน โดยเป็นนัดตรวจพยานโดยศาล กรณีพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต เสียชีวิตหลังเข้ารับการฝึกทหารเกณฑ์พลัด 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย

รายงานระด้วยว่า วันดังกล่าว พนักงานอัยการอ้างส่งเอกสารเป็นสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนฝ่ายอัยการขอให้ศาลสืบพยานบุคคล 19 ปาก โจทก์ร่วมขอให้ศาลสืบพยานบุคคล 8 ปาก และจำเลยขอให้ศาลสืบพยานบุคคล 14 ปาก โดยจากการตรวจสำนวนในคดี ศาลจึงเห็นสมควรนัดสืบพยานโจทก์ 6 ปาก และสืบพยานโจทก์ร่วม 5 ปาก สำหรับพยานจำเลยทั้งสอง 10 ปาก ในคดีหมายเลขดำที่ ปท. 1/2566 ในข้อหาร่วมกันกระทำการโหดร้ายฯ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 กรณีพลทหารกิตติธร หลังเข้ารับการฝึกทหารเกณฑ์ ผลัดที่ 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย โดยศาลอาญาทุจริตฯ ภาค 5 กำหนดนัดสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วม 11 ปาก ในวันที่ 10 – 13 ก.ย. 2567 และกำหนดนัดสืบพยานจำเลยทั้งสอง 10 ปาก ในวันที่ 17 – 18 ก.ย. 2567

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ พลทหารกิตติธร ทหารเกณฑ์พลัดที่ 1/66 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย เข้ารับการเกณฑ์ทหารตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2566 จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2566 ภรรยาเดินทางไปรับพลทหารกิตติธรและพบว่ามีอาการอิดโรย ตัวซีด ไข้ขึ้น มีอาการร้อนและหนาวสลับกัน ซึ่งจากการสอบถามของญาติแจ้งว่าพลทหารกิตติธร มีอาการป่วยมาหลายวันและพยายามขอให้ทางค่ายส่งมารักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ภริยาของพลทหารกิตติธรเห็นอาการของพลทหารกิตติธรหนักมาก จึงยืนกรานขอให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชในระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. 2566 ก่อนที่พลทหารกิตติธรเสียชีวิตในวันที่ 16 ก.ค. 2566 ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ด้วยภาวะคือติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการ สั่งฟ้องครูฝึก 2 นาย ยศร้อยโทรและจ่าสิบโท เป็นผู้รับผิดชอบการฝึกพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต คดีหมายเลขดำที่ ปท.1/2566 ในข้อหาร่วมกันกระทำการโหดร้ายฯ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2567 โดยจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ทนายความของครอบครัวพลทหารกิตติธร ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยทั้งสองของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2567 ในประเด็นต่างๆ ว่า การอ้างการฝึกวินัย หรืออยู่ในภาวะสงคราม จะเป็นข้ออ้างหรือข้อยกเว้นที่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทหาร หรือเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ กระทำการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงต่อประชาชน อาทิ การกระทำทรมาน การกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการกระทำให้บุคคลสูญหายย่อมกระทำมิได้ และการให้ศาลทหารพิจรณาคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ทหาร ย่อมสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับญาติผู้เสียชีวิต ส่งผลให้ญาติไม่สามารถเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างเต็มที่

ต่อมาในเวลา 13.30 น. ทนายความและครอบครัวพลทหารกิตติธร เดินทางเข้าไปพบกรมคุ้มครองสิทธิ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 โดยทางเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องได้มีการสอบข้อเท็จจริง และแจ้งว่าหลังจากการสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการส่งเรื่องไปยังสำนักงานยุติธรรม จังหวัดเชียงราย เนื่องจากเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะใช้เวลาในการประชุมเพื่อหารือกับคณะกรรมการประมาณ 30 วัน เมื่อได้ผลการวินิจฉัยจากคณะกรรมการจะดำเนินการเยียวยาครอบครัวพลทหารกิตติธร ภายใน 45 วัน

มูลนิธิผสานวัฒนธรรยังเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมกันติดตามคดีนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าพลทหารกิตติธรและครอบครัวที่เดินหน้าต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมจะได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริงและได้รับการชดใช้เยียวยา รวมถึงสามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย  เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นกับพลทหารเกณฑ์คนใดได้อีก และยุติวัฒนธรรมลอยนวลของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างเป็นจริง

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net