Skip to main content
sharethis

ท่ามกลางการฝุ่นตลบของสนามเลือกตั้งใหญ่ที่งวดเข้ามาทุกขณะ สนามเล็กอย่าง อบจ.เชียงใหม่ก็กำลังถูกจับจ้องตาเป็นมัน

กระแสข่าวเจ้าหนุ่ยจะได้ใบแดงหลังประกาศผลเลือกตั้ง กระหึ่มขึ้นมา และท้าทายชนิดที่ว่า "สั่งการ กกต.ได้"

แน่นอน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า จะไม่เกี่ยวโยงกับสนามใหญ่ที่หมากของคนใน 2 พรรคใหญ่วางไว้แข่งขันกันถึงขั้นแตกหัก

เป็นความแตกหักทางการเมือง ที่บ่มเพาะจากการต่อรอง และคนสำคัญของเกมนี้อยู่ที่ 2 เจ๊ คือ
เจ๊แดงกิ่งกาญจน์ และเจ๊แดงเยาวภา

หากชัยชนะในสนามใหญ่เป็นของ "แดง" ผู้ภรรยา เท่ากับ"แดง"เยาวภา พลาดเป้ากวาดเรียบ 10 ที่นั่งตามที่ประกาศ

จำเป็นต้องจับตาว่าจะส่งสัญญาณอะไรกับสนามเล็ก อบจ.หรือไม่

ในเมื่อไทยรักไทย รับรู้เส้นทางการขึ้นมาสู่ตำแหน่งนายก อบจ.ของธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ ทุกเม็ด

นายธีรวัฒน์ สินธุบุญ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ยอมรับกับ "พลเมืองเหนือ"ว่า หลังกกต.กลางประกาศผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ว่าชัยชนะเป็นของธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่แล้ว ก็ได้มีเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบเพิ่มเติมมาอีก 1 สำนวน เป็นกรณีของ "ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง"

ทั้งนี้เรื่องได้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะย้ายมารับตำแหน่งที่เชียงใหม่ ดังนั้นสำนวนต่างๆ จึงอยู่ที่ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ทราบเพียงว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งจากผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียนเพื่อมาชี้แจงหักล้างกัน ก่อนจะรวบรวมหลักฐานและความเห็นเบื้องต้นต่อกกต.กลางเป็นผู้ตัดสินอีกครั้ง

นายนิรันดร์ คำเสมานันท์ อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันดูแลจังหวัดเชียงราย บอกว่ามีสำนวนร้องเรียนเรื่องค่าใช้จ่ายของนายกอบจ.เข้ามาสมัยเขาดูแลอยู่จริง 1 สำนวน ทั้งนี้แม้จะประกาศผลไปแล้วแต่กฎหมายเปิดให้มีการร้องเรียนได้อยู่ โดยขั้นตอนคือ 90 วันหลังประกาศผล ผู้สมัครทุกคนจะต้องยื่นบัญชีรายรับ รายจ่ายในการเลือกตั้งภายใน 90 วันให้ กกต.จังหวัดเพื่อตรวจสอบและประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ

จากนั้นอีก 90 วัน หากว่ามีผู้ใดเห็นว่าค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือเกินวงเงินที่กกต.กำหนด นั่นคือตำแหน่ง ส.อบจ. 1 แสนบาท และนายกอบจ. 4.2 ล้านบาท ก็สามารถร้องเรียนได้ ซึ่งกกต.จะต้องทำการตรวจสอบและวินิจฉัยเบื้องต้นเสนอไปยังกกต.กลาง ซึ่งหากมีมูลและหลักฐานชัดก็อาจส่งผลไปถึงการเพิกถอนผลการเลือกตั้ง

ธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ ยังคงยิ้มและบอกกับพลเมืองเหนือว่า ก่อนการเข้าสู่ตำแหน่ง เขาถูกร้องเรียนมาถึง 15 เรื่อง จะมีอีกสักเรื่องสองเรื่องคงไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ไม่สบายในคือคนที่ออกไปพูดอวดอ้างว่ามีกำลังภายในสั่งการ กกต.ได้ ซึ่งตัวเองคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำกับสถาบันกกต.เช่นนั้น

เจ้าหนุ่ยยังยืนยันด้วยว่า ไม่เคยคิดที่จะลาออก เพราะเพิ่งเลือกตั้งนายก อบจ.ได้ไม่ถึง 1 ปี จะลาออกโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ และเชื่อว่าคนที่โจมตีก็เป็นผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ที่แพ้แล้วก็ยังไม่ยอมเลิกรา ซึ่งไม่เคยหวั่นไหวและไม่วิตกกังวลกับข่าวเช่นนี้ เพราะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกมาทำหน้าที่นายก อบจ. หากประชาชนเห็นว่าไม่อยากให้ทำงาน ก็จะไปทันที ไม่ต้องรอพวกมีอำนาจมาขับไล่

เมื่อครั้ง 15 สำนวนที่ร้องเรียนเจ้าหนุ่ยมาก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง เขายังแข็งแกร่งอยู่กับฟากไทยรักไทย ด้วยการเป็นผู้สมัครที่พรรคส่งเข้าประกวดตำแหน่งนี้อย่างชนิด มะรุมมะตุ้ม

หากจะได้ย้อนเวลาก่อนเดือนมีนาคม 2547 อันเป็นวันเลือกตั้ง การหาเสียงที่คึกคักชนิดระดับ
ประเทศต้องจับตา ด้วยการหลั่งไหลมารุมดูแลเจ้าหนุ่ยจากรัฐมนตรีหลายคนและแกนนำคนสำคัญของพรรคไทยรักไทยคือข้อพิสูจน์ความหวานชื่น มิเพียงแต่เท่านั้น แขนขา คนของไทยรักไทย ศูนย์บัญชาการ อุปกรณ์สารพัด ก็จากพรรคไทยรักไทยที่จัดการให้ เรียกว่า เส้นทางการเติบโตสู่เก้าอี้นี้ของเจ้าหนุ่ยนั้น ไทยรักไทยรู้และดูแลทุกเม็ด และปกป้องดูแลจนประกาศผลอย่างเป็นทางการ

หากแต่ 1 สำนวนที่ร้องเรียนหลังการประกาศผล ด้วยเหตุผลเรื่อง "ค่าใช้จ่าย" อยู่ในช่วงฮันนีมูนสิ้นสุด และก้นหม้อไม่ทันดำก็ร้าวฉานจึงเป็นกระแสให้ได้ลือว่า เป็นข้อมูลที่คายออกมาเพื่อให้พ้นจากตำแหน่งโดยผู้ที่กุมเรื่องราวนี้อยู่

ด้วยเพราะเป็นที่รู้กันว่า หลังการบัญชาการในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้ไม่นาน ความร้าวฉานถึงขั้นแตกหักได้เกิดขึ้น เมื่อ สอบจ.เชียงใหม่ 24 เขต ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยซึ่งโดยระบุว่า ถูกก้าวก่าย จาก ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยบางคน จนอึดอัดไม่เป็นอิสระในการทำงาน

ตามมาด้วยการต้องระเห็จมาเข้าพรรคประชาธิปัตย์ของ เจ๊แดง กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ภรรยาเจ้าหนุ่ย ซึ่งระบุว่าข้อตกลงเบื้องแรกจะต้องลงไทยรักไทยในเขต 2 แทนเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนกลายมาเป็นพายัพ ชินวัตร มาลงแทนไปเสีย ซึ่งเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างเกรี้ยวกราดว่าไม่เกี่ยวกัน และเป็นปัญหาภายในที่เจ้าหนุ่ยต้องมีภาวะผู้นำแก้ไข ไม่ใช่โยนให้พรรค

นี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่เจ้าหนุ่ยก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เพราะเจ้าหนุ่ยบอกว่า "เขาพูดอย่างนี้คงไม่อยากให้เราอยู่แล้ว"

แต่ไม่ว่าเจ้าหนุ่ยจะอยู่หรือไป ปัญหาคือไทยรักไทยยังคงกุมเรื่องราวของเขาไว้อยู่

การมาอยู่ประชาธิปัตย์ของเจ๊แดง กิ่งกาญจน์ และเลือกลงที่เขต 4 รวมทั้งลูกสาว รอ.หญิง ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ (ผู้กองแป้ง) มาลงที่เขต 1 ส่งผลให้สถานการณ์สนามเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้นร้อนแรงขึ้นทันตา

เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศจะยึดพื้นที่เชียงใหม่คราวนี้ไว้ให้ครบทั้ง 10 เขต ถึงกับลั่นว่า " เชียงใหม่เราคงให้พรรคอื่นแทรกไม่ได้ โดยเฉพาะกับพื้นที่สันทราย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่"

แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสันทรายที่ กิ่งกาญจน์ เดินย่ำอย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้งพื้นที่แม้ไม่มีตำแหน่ง ส.ส.

วิทยา ทรงคำ ขี่กระแสไทยรักไทยคว้าชัยในเขตนี้ไปเมื่อสมัยที่แล้วด้วยคะแนน 27,900 แต้ม ห่างกิ่งกาญจน์อยู่กว่า 5,000 คะแนน ไม่มากเลยในช่วงเวลานี้

เขต 4 จึงถือเป็นเขตอันตรายสำหรับไทยรักไทย

หากเจ๊แดง - กิ่งกาญจน์ มีอนาคตสดใสในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ อนาคตของเจ้าหนุ่ยในเก้าอี้ อบจ.อาจสั่นไหว

เพราะการดับฝัน 10 เขตของเจ๊แดง เยาวภา อาจส่งผลให้มาเล่นบทโหดกับอีกสนาม ซึ่งกุมเรื่องราวไว้อยู่ก็ได้

เก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ขึ้นมาแบบการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน การผลักดันให้พ้นเป็นเรื่องยากกว่าแต่ก่อนนัก กลไกที่จะต้องให้พ้นจากตำแหน่งนี้ได้ มีเพียง กกต. ผ่านข้อร้องเรียนในเฮือกสุดท้ายคือเรื่องค่าใช้จ่ายที่เปิดเผยหลังการประกาศผล

กลไกนี้ จึงส่งผลให้ข่าวลือว่า "สามารถสั่งการ กกต.ได้" จึงหึ่งขึ้นมา

กิตติ พรหมมารัตน์ ประธานกกต.จ.เชียงใหม่ บอก "พลเมืองเหนือ"สั้นๆ ว่าชุดทำงานกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ และต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องที่ว่าสั่งกกต.ได้นั้นเขาเห็นว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ

ท่ามกลางการขับเคี่ยวของการเมืองสนามใหญ่ อนาคตของเจ้าหนุ่ยบนเก้าอี้ อบจ.ก็ผูกโยงไว้กับอนาคตของ 2 เจ๊แดงเช่นกัน

และหากผลมันออกมาว่า จะต้องถึงคราวเล่นบทโหดกับเจ้าหนุ่ย จำเป็นอย่างมากที่สังคมจะต้องจับตา สิงห์ที่ยังไม่สิ้นลาย..กลับมาทวงเก้าอี้เดิมคืน.

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net