Skip to main content
sharethis

ตลก ประหลาด เป็นงง น่าสงสัยและน่าวิตก

สารพัดความรู้สึกเกิดขึ้นเมื่อเหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป "ชุดอุปกรณ์วีดิโอคอน เฟอร์เรนซ์หายไปจากศาลากลางเชียงใหม่"

จุดเกิดเหตุมิใช่เพียงแค่เป็น ณ ที่กล่องดวงใจของจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศเท่านั้น แต่ยังติดกับห้องของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เสียด้วยซ้ำ

ท่ามกลางการปรับกระบวนท่าเพื่อการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้นเมื่อไม่นาน นี่คือการล้วงคองูเห่าอันแสนง่ายดาย …หรือจะเป็นเพราะว่า งูตัวนี้ไร้พิษสง
------------------------
หลังเกิดเหตุความไม่สงบทางภาคใต้ ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดหวั่นต่อเป้าหมายการโจมตีด้วยการลอบวางระเบิดที่สามารถเกิดได้ทุกที่ หน่วยงานส่วนราชการสำคัญของรัฐทั่วประเทศจึงต้องมีการกวดขันเรื่องความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ซึ่งเชียงใหม่ก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้กระจายกำลังกันรายล้อมศาลากลางเพื่อตรวจสอบนานแล้ว และไม่นานมานี้ จังหวัดเชียงใหม่ก็เพิ่มความเข้มงวดให้เข้า - ออก ศาลากลางทางเดียวและตรวจสอบแลกบัตรประจำตัวผู้มาติดต่อด้วย

แต่แล้วเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อชุดอุปกรณ์ประชุมทางไกลผ่านดาวเทียม หรือวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ มูลค่า 6 แสนบาท ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากห้องประชุมชั้น 3 ของศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงานของนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังถูกพนักงานบริษัทนำมาเก็บไว้เพื่อรอการติดตั้งได้ไม่ถึงเดือน

ชุดวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ดังกล่าว เป็นโครงการของกระทรวงมหาดไทย ที่มีนโยบายให้ทุกจังหวัดมีชุดดังกล่าวเพื่อการประชุมทางไกลระหว่างกันได้โดยสะดวก เริ่มทยอยติดตั้งที่ศาลากลางทั่วประเทศ ผู้รับสัมปทานคือ บริษัทสามารถคอมเพล็กซ์จำกัด สำหรับที่เชียงใหม่มีการส่งงานให้บริษัทเน็ตเวิร์คอินสตอลเลชั่นจำกัด รับช่วงต่อ
นายชนะชัย จิวพิมาย ตัวแทนจากบริษัทเน็ตเวิร์คอินสตอลเลชั่นจำกัด เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.ช้างเผือก ระบุว่าตัวเขาและคณะได้นำอุปกรณ์ดังกล่าวมาฝากไว้ในห้องประชุมที่จะติดตั้งอุปกรณ์โดยเก็บไว้ในตู้และล็อคไว้อย่างดีตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จากนั้นได้ฝากกุญแจกับเจ้าหน้าที่ของศาลากลาง เมื่อตนและคณะกลับมาเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จเพื่อส่งมอบต่อไปในวันที่ 5 พฤษภาคม กลับพบว่าชุดอุปกรณ์ซึ่งประกอบไปด้วยกล้องวิดีโอ รีโมตคอนโทรล ไมโครโฟน สายต่อพ่วง และอื่นๆหายไป สอบถามเจ้าหน้าที่พบว่าไม่มีใครทราบเรื่อง เชื่อว่าถูกขโมยไป

พ.ต.ต.ครรชิต ศิลาเกษ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลช้างเผือก ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในเบื้องต้นได้ตรวจสอบรอยนิ้วมือเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของพนักงานบริษัทเจ้าของงานและเจ้าหน้าที่ของศาลากลางที่ถือกุญแจห้องประชุม

อย่างไรก็ตามดังกล่าวไม่มีร่องรอยถูกงัดแงะ จึงเป็นไปได้ที่คนในอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่อุปกรณ์ดังกล่าวอาจไม่ได้มีการนำเข้ามาเก็บไว้ที่ศาลากลางจริงก็ยังอาจเป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตด้วยว่าอุปกรณ์เหล่านี้หากแยกเป็นชิ้นต่อชิ้นจะสามารถพกพาใส่ประเป๋าได้ไม่ยากนัก ในส่วนของระบบรักษาความปลอดภัยภายในศาลากลางนั้นไม่เห็นว่ามีความหละหลวมแต่อย่างใด

ด้านพลตำรวจโทภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางไปตรวจ สอบห้องประชุมที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง และเห็นว่าคดีดังกล่าวมีประเด็นที่น่าสนใจ อีกทั้งห้องดังกล่าวก็อยู่ติดกับห้องทำงานของผู้ว่าฯด้วย ซึ่งทางท่านผู้ว่าฯเองได้ประสานมาให้เร่งติดตามคดี

ในมุมของคนในศาลากลาง วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันมาก ในทำนองว่า แท้จริงแล้ว อาจไม่มีเครื่องอะไรที่ว่านี้เลยก็ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าของที่ว่านั้นคืออะไร และการฝากกุญแจกับเจ้าหน้าที่ก็มิได้ตรวจสอบก่อนว่าได้นำอะไรมาวางไว้

นอกจากนี้ยังการทำงานของพนักงานบริษัทก็มีความสับสน เนื่องจากพบว่า มีอุปกรณ์ในส่วนของจังหวัดลำพูนและแม่ฮ่องสอนปะปนมาด้วย แต่หลายคนในศาลากลาง ยอมรับว่าได้เห็นกล่องที่ว่านั้นวางเกะกะอยู่ก่อนหน้าจะปิดยาวในวันสงกรานต์ ซึ่งของลักษณะอย่างนี้ กว่าจะเดินผ่านกระบวนการรักษาความปลอดภัย (แลกบัตร) ขึ้นมาจนถึงชั้น 3 ย่อมไม่น่าจะคลาดสายตาคนในคนหนึ่งในศาลากลางไปได้

นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานว่าพนักงานของบริษัทเอกชนที่มาติดตั้งระบุว่าได้มาฝากกล่องอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาและฝากเพียงกุญแจห้องไว้กับเจ้าหน้าที่สื่อสารของจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจสอบดูว่าได้มีของไว้ตั้งแต่เริ่มแรกด้วยจริงหรือไม่ เพราะของดังกล่าวบริษัทยังไม่ได้ส่งมอบให้กับทางราชการ

เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานสารสนเทศยืนยันว่า ไม่เคยเห็นอุปกรณ์ดังกล่าวเลย รับทราบเพียงว่าพนักงานบริษัทผู้ติดตั้งขอฝากอุปกรณ์ไว้ และตู้ที่ใช้เก็บก็อยู่ชั้นอื่นด้วย แต่แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อยู่ ซึ่งจังหวัดก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเมื่อต้นปีเพิ่งสั่งการให้เข้มงวดการเข้าออกทางเดียว และตรวจบัตรประจำตัวผู้มาติดต่อก่อนทุกครั้งนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานจังหวัดและปกครองจังหวัดเชียงใหม่ให้จัดระเบียบสถานที่ราชการตรวจสอบจุดอ่อนของการเข้าออก และจะต้องติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อให้เกิดมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นขึ้นในอนาคตอีก

ท่ามกลางความสับสนในข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่สื่อสารไฟฟ้าระดับ 6 ประจำสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพัก ซึ่งไม่พบของกลางที่เกี่ยวข้องแต่ประการใด อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปเจ้าหน้าที่ภายในศาลากลางไม่มีใครอยากเชื่อว่าคนในมีส่วนรู้เห็น เพราะทราบดีอยู่แล้วว่าต้องถูกสงสัยเป็นอันดับต้นๆ และอุปกรณ์ดังกล่าวก็มีการใช้งานเฉพาะทางซึ่งต้องมีความรู้เพียงพอจึงจะสามารถใช้ได้ ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าตรวจสอบห้องประชุมดังกล่าวอีกครั้งตามการสั่งการของผู้ว่าฯเพื่อหามาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยให้มากขึ้น

เป็นที่น่าตกใจว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ไม่ได้พึ่งเกิดเป็นครั้งแรกในสถานที่สำคัญทางราชการอย่างศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ในอดีตที่ผ่านมาเกิดการโจรกรรมขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
มาตรการรักษาความปลอดภัยเท่าที่มีอยู่ตอนนี้คือ หลังจากใช้บัตรประจำตัวประชาชนแลกกับบัตรผู้มาติดต่อราชการดังที่นิยมปฏิบัติกันในอาคารสำนักงานธุรกิจส่วนมาก โดยไม่ได้มีการตรวจค้นร่างกายแต่อย่างใด จะสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้ทั่วทั้งอาคารอย่างอิสระไร้ซึ่งความเคลือบแคลงสงสัย สภาพอาคารศาลากลางซึ่งประกอบไปด้วยสำนักงานหลายหน่วยหลายฝ่าย บุคลากรจำนวนมหาศาลของแต่ละหน่วยงานที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกัน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเจ้าหน้าที่จำนวนมากอาจไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ไม่รวมถึงประชาชนทั่วไปที่มาติดต่อราชการอีกจำนวนมาก เช่นนั้นแล้วกิจกรรมต่างๆของแต่ละหน่วยงานย่อมเป็นที่รับรู้กันแต่ภายในเท่านั้น หากกิจกรรมที่ผิดหูผิดตาไปจึงมักได้รับการตั้งสมมติฐานว่าเป็นงานของหน่วยงานอื่นอย่างช่วยไม่ได้

โครงการในอนาคตที่จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในตัวอาคารอาจช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น แต่นั่นหมายถึงว่าต้องมีฝ่ายรักษาความปลอดภัยคอยจับตาตรวจสอบเป็นไปอยู่ตลอดเวลาด้วย หากพบความผิดปกติจึงจะสามารถจัดการได้ทันท่วงที หากติดตั้งไว้เพียงเพื่อตรวจสอบภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หลังจากเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว คงไม่มีประโยชน์อะไร

ชุดอุปกรณ์วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ที่ไม่ว่าจะหายไปจริงหรือไม่ก็ตาม อาจไม่ได้มีนัยสำคัญเท่ากับในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายของประเทศและทั่วโลกเช่นที่เป็นอยู่นี้ ระบบรักษาความปลอดภัยเพียงแค่การแลกบัตรเข้า-ออกจะเพียงพอหรือไม่ต่อการรับประกันความปลอดภัย!!

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net