ทนายผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์การผ่าชันสูตร 'บุ้ง ทะลุวัง' ระบุ มองด้วยตาเปล่าไม่พบอาหารในกระเพาะ โดยต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดจากแพทย์อีกครั้งประมาณ 1 เดือน ถึง 45 วัน นับจากวันนี้ ทนายมีความเห็นต่อต่อข้อแถลงของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่อ้างว่าบุ้งมีการกินอาหารระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า การที่บุ้งจะกินหรือไม่กินอาหาร ไม่สำคัญเท่ากับการที่บุ้งตายระหว่างที่อยู่ในอ้อมแขนของโรงพยาบาลราชทัณฑ์

15 พ.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงาน ผลชันสูตรพลิกศพเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่เสียชีวิตจากการอดอาหารระหว่างการควบคุมตัวของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระบุ บุ้งได้รับการชันสูตรพลิกศพแล้ววานนี้ (14 พ.ค. 2567) และวันนี้แพทย์นิติเวชได้ทำการชันสูตรโดยการผ่าร่างเก็บตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ ขณะนี้ตัวอย่างตรวจเก็บอยู่ระหว่างการส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เมื่อได้ผลแล้วจึงจะสามารถทำรายงานสรุปสาเหตุการตายฉบับสมบูรณ์ได้ คาดใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึง 45 วัน นับจากวันนี้

ภายหลังแพทย์นิติเวชจัดทำรายงานสรุปสาเหตุการตายเสร็จแล้วจะมีกระบวนการไต่สวนสาเหตุการตายในชั้นศาลต่อไป โดยร่างกายของบุ้งจะถูกเคลื่อนไปยังวัดเพื่อทำพิธีทางศาสนาตามกำหนดการในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ค. 2567)

มติชนรายงาน เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ สาขานิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเข้าร่วมสังเกตการณ์การผ่าชันสูตร ระบุ มีการนำเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ไปส่งตรวจที่แล็บแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติการ พร้อมทั้งได้ตรวจอวัยวะอย่างละเอียดด้วยว่า มีการกระทบกระเทือนอะไรหรือไม่ ส่วนสารคัดหลั่งและเลือด จะเอาไปส่งตรวจที่แล็บ โรงพยาบาลรามาธิบดี เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและมีเครื่องมือทันสมัย โดยคาดว่าผลตรวจคร่าวๆ น่าจะออกพรุ่งนี้ ส่วนรายละเอียดเรื่องสารพิษหรือว่าเลือดมีสารมีอะไรปะปนอยู่หรือไม่นั้น ต้องรอผลจากโรงพยาบาลรามาธิบดีจะรีบแจ้งทันที

ทนายระบุ ตลอดการผ่าศพมีได้สอบถามแพทย์ในเรื่องหัวใจล้มเหลว ซึ่งแพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดหัวใจดู แล้วจะนำไปวิเคราะห์อีกครั้ง ส่วนตัวได้เห็นการผ่ากระเพาะอาหารซึ่งจะต้องนำไปวิเคราะห์ต่อ แต่เท่าที่ดูด้วยตาเบื้องต้นไม่พบอะไรเลย แต่ต้องรอผลที่ชัดเจนจากแพทย์อีกครั้ง รวมถึงผลค่าตับกับค่าไตด้วยว่ามีสารพิษหรือไม่ ภายนอกบุ้งมีรอยช้ำเล็กน้อยอาจจะได้รับการกระเทือนจากการทำซีพีอาร์

เมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับข้อแถลงของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ระบุว่า บุ้งกลับไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้กินอาหาร คือ ข้าวต้มกับไข่เจียว ทนายแสดงความเห็นว่า “ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่สำคัญสำหรับผม เพราะบุ้งจะกินหรือไม่กินหรือจะอยู่แบบสุขสบาย แต่ว่าการเสียชีวิตแบบนี้ มันตายในอ้อมแขนของคุณ ซึ่งถ้าคนสุขสบายดี มันคงไม่ตายหรอก โดยส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนหรือวิญญูชนคงรู้ว่าใครแถลงเท็จและทางกรมราชทัณฑ์เอง ก็แถลงแบบนี้ทุกครั้ง ตั้งแต่คนไม่ป่วย ก็แถลงให้ป่วย จนกระทั่งส่งออกไปรักษาข้างนอกได้ ก็อยากถามทุกคนว่าเชื่อหรือไม่ แต่เป็นผม ถ้ากรมราชทัณฑ์แถลง ผมไม่เคยเชื่อ”