เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2548 ที่โรงแรมพาวิลเลียน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดสัมมนา เรื่องเราจะร่วมกันแก้ปัญหาภาคใต้ได้อย่างไร โดยมีนาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ สถานการณ์การเมืองและการแก้ปัญหาภาคใต้ว่า การช่วยเหลือกรณีความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจภายใต้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งปิดช่องทางฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น พรรคฯ เสนอให้ลดการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ แต่หากยังเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น ก็สามารถร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งพระราชกำหนดฉบับนี้เปิดช่องอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถร้องเรียนยังคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ รวมทั้งร้องเรียนมายังพรรคประชาธิปัตย์ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาคือ การรับฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งทางพรรคฯ กำลังดำเนินการอยู่โดยเน้นแนวทางสันติวิธี จึงขอเสนอให้ พ.ต.ท.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวทางการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับแนวทางของคณะ กรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ โดยจะสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขพระราชกำหนดฯ สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้สอดคล้องกับข้อเสนอ 14 ของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติด้วย นอกจากนี้จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจนั้น พรรคฯ จะช่วยในการกระจายสินค้าโดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร ส่วนการแก้ปัญหาด้านความมั่นคง จะให้เครือข่ายสมาชิกของพรรคในพื้นที่ เป็นตัวอย่างในการสร้างความสมานฉันท์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแนวทางสันติวิธี
ส่วนการแก้ปัญหาระดับประเทศ พรรคฯ จะนำเยาวชนจากภาคอื่นเข้ามาศึกษา เรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ด้วย ส่วนกำไรจากการขายสายรัดข้อมือยางของพรรคก็จะนำไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ด้วย
ในเดือนตุลาคม 2548 พรรคฯจะจัดสัมมนาสมัชชาประชาธิปัตย์และสมัชชาประชาชนครั้งใหญ่ เพื่อหาทางแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีแนวคิดว่ารัฐบาลกับประชาชนต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แต่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา
จากนั้นในช่วงบ่ายได้มีการแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมสัมมนาออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาและแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มแรก ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาการทุจริตของผู้บริหารท้องถิ่นและผู้บริหารประเทศ โดยให้ตั้งองค์กรอิสระระดับตำบลเพื่อตรวจสอบการทุจริตในระดับท้องถิ่น แก้กฎหมายโดยเพิ่มโทษผู้นำท้องถิ่นและผู้นำประเทศที่ทุจริต แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายนายกรัฐมนตรีได้ทันที
กลุ่มที่สอง เสนอแนวทางการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้ใช้เวลาเดินทางให้เร็วที่สุด ไม่ออกเดินทางในเวลากลางคืน เพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการลอบวางระเบิดที่จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ลดอิทธิพลของนักการเมืองท้องถิ่น
กลุ่มที่สาม เรื่องการขาดความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ เสนอให้รัฐให้ความสำคัญกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำศาสนาในการแก้ปัญหา เพราะเป็นผู้ที่รู้ปัญหาในพื้นที่อย่างดี กลุ่มที่สี่ เรื่องผู้นำรัฐบาลไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน เสนอให้นายกรัฐมนตรีรับฟังข้อมูลจากผู้ที่รู้ปัญหาที่แท้จริง ให้ลดอำนาจของตำรวจและทหารในพื้นที่ และให้องค์กรปกครองท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ปัญหา
กลุ่มสุดท้าย เรื่องราคาผลิตตกต่ำเนื่องจากพ่อค้าไม่กล้าไปรับซื้อ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วยเร่งระบายผลผลิตด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)