วานนี้( 7 ก.ย.48) นาย
ทั้งนี้เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีนี้ มีแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ 10 คนเ เดินทางไปยังรัฐกลันตันและปล่อยข่าวในกลุ่มคนมาเลเซียที่มีญาติพี่น้องอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น และให้โทรศัพท์แจ้งญาติทางฝั่งไทยให้อพยพมาอาศัยอยู่ในฝั่งมาเลเซีย โดยมีการปล่อยข่าวในลักษณะดังกล่าวในรัฐตรังกานู ซึ่งเป็นรัฐที่มีคนไทยมุสลิมเข้าไปทำงานเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายสีหศักดิ์ได้ลำดับเหตุการณ์ว่า ข่าวดังกล่าวถูกปล่อยในรัฐกลันตันก่อนเหตุการณ์ 5 วัน คือวันที่ 25 ส.ค. ขณะที่กลุ่มคนไทยทั้ง 131 คน จะทยอยเดินทางเข้ามาเลเซียในวันที่ 30 ส.ค. โดยจากการตรวจสอบพบว่ามีเพียง 1 คนที่มาจาก อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
นอกจากนั้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ยังได้ประสานงานกับกลุ่มนอกประเทศคือ กลุ่มพูโล ซึ่งได้จัดตั้งองค์กรบังหน้า ชื่อ ปัตตานี-มาเลฮิวเมนไรท์ ออร์กาไนท์เซชั่น PMHRO (Pattani-Malay Human Rights Organization) ซึ่งทันทีที่กลุ่มชาวไทย 131 คน ข้ามแดนเข้าไปยังมาเลเซีย กลุ่มนี้ได้แจ้งข้อมูลไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ที่สวิตเซอร์แลนด์ ดูแลภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกทันที เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้
โดยPMHRO ออกเว็ปไซด์ชื่อ pmhro.org นำเสนอข้อมูลว่า ราษฎรไทยกลุ่มดังกล่าวหวาดกลัวว่า จะถูกรัฐบาลทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงหลังจากการประกาศใช้ พระราชกำหนดฯ ฉุกเฉิน เนื่องจากเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหน้า สภ.อ. ตากใบ เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว และต้องการให้ UNHCR เข้ามาช่วย รวมทั้งขอไม่ให้รัฐบาลมาเลเซียส่งตัวคนเหล่านี้กลับประเทศไทยด้วย
นายสีหศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า กรณีคนไทยข้ามแดนเข้าไปในมาเลเซีย เป็นปัญหาภายในประเทศ ซึ่งไทยและมาเลเซียกำลังประสานงานกัน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน ไทยได้ขอให้กงสุลไทยในมาเลเซีย เข้าไปมีส่วนร่วมในการสอบถามรายละเอียดจากคนไทยกลุ่มดังกล่าวด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)