ประชาไท—18 ก.ค. 2549 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2549 ที่ศาลจังหวัดปัตตานี ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีอย่างคนอนาถา คดีหมายเลขดำที่ 899,903 และ 911/2548 ระหว่างนายหะมิ สาเมาะ ญาติผู้เสียชีวิตจากการขนย้ายผู้ชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี กับพวกรวม 78 คน เป็นโจทก์ ฟ้องร้องเรียกค่ายเสียหายจากกระทรวงกลาโหม, กองทัพบก, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงมหาดไทย, กรมการปกครอง และจังหวัดนราธิวาส จำเลย เป็นเงิน 107,986,111.77 บาท

ศาลแถลงว่า พนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นทนายจำเลยติดภารกิจไม่สามารถมาซักค้านโจทก์ได้ จึงขอเลื่อนไปพิจารณาในวันนัดพิจารณาครั้งต่อไป แต่ศาลเห็นว่ามีโจทก์เดินทางมาที่ศาล 15 คน จึงสั่งให้ไต่สวนไปก่อน แล้วให้ซักค้านในวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 แต่ไต่สวนได้เพียง 10 คน เนื่องจากอีก 5 คน เอกสารประกอบการไต่สวนไม่พร้อม ส่วนโจทก์ที่เหลือทั้งหมด ให้ไต่สวนคำร้อง ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2549

ทั้งนี้ โจทก์ทั้ง 10 คน เบิกความสรุปได้ว่า โจทก์มีฐานะยากจน โดยมีอาชีพรับจ้าง มีรายได้น้อย อีกทั้งไม่มีทรัพย์สินที่สามารถขายได้ เพื่อนำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้ จึงขอให้ศาลพิจารณาคดีอย่างคนอนาถา

ศาลแถลงว่า คดีนี้มีโจทก์ 6 คน ที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ไม่เกิน300,000 บาท จึงไม่ต้องยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีอย่างคนอนาถา แต่ให้เสียค่าธรรมเนียมศาลเพียงคนละ 200 บาท

นายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายโจทก์ กล่าวว่า หากศาลมีคำสั่งไม่รับพิจาณาคดีอย่างคนอนาถา โจทก์สามารถอุทธรณ์คำสั่งศาลได้

สำหรับคดีนี้ ศาลจังหวัดปัตตานี ได้นัดทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยอีกครั้ง ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ขณะเดียวกัน วันที่ 26 กรกฎาคม 2549 ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้นัดโจทก์และจำเลย ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายในการสลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จากกระทรวงกลาโหมกับพวกรวม 6 หน่วยงาน โดยโจทก์เป็นญาติผู้เสียชีวิตในระหว่างสลายการชุมนุม 5 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 1 ราย และญาติผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 17 ราย มารับทราบผลการไกล่เกลี่ย ในคดีญาติผู้เสียชีวิตจากการขนย้ายผู้ชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก 6 หน่วยงานรัฐ ของศาลจังหวัดปัตตานีด้วย

ทั้งนี้ ในการพิจารณาคดีแพ่ง ผู้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่าตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไป จะต้องเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 2.5 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ร้องขอ หากไม่เกิน 300,000 บาท ให้เสียค่าธรรมเนียมศาล 200