ประชาไท22 ก.ค. 2549 สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยรายงานประจำปีของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด (UNCTAD) โดยระบุว่าหากประเทศยากจนที่สุดในโลก 50 ประเทศ ไม่สามารถสร้างงานรองรับประชาชนได้เพียงพอ จะทำให้เกิดปัญหาแรงงานอพยพไปยังประเทศอุตสาหกรรม และหากไม่สามารถเพิ่มผลผลิตภายในประเทศได้ อาจมีผลทำให้เกิดวิกฤติถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมืองได้
ในช่วงปี 2543-2546 แรงงานของประเทศยากจนที่สุดในโลกอยู่ในภาคเกษตรถึงร้อยละ 70 และ 3 ใน 4 ของประเทศเหล่านั้นอยู่ในทวีปแอฟริกา แต่คาดกันว่าในช่วง พ.ศ. 2543-2553 แรงงานนอกภาคเกษตรจะขยายตัวเร็วกว่าแรงงานภาคเกษตรเป็นครั้งแรก
ทางด้าน ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด ชี้ว่าต้องเปลี่ยนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เน้นไปที่การสร้างงานและลดความยากจน ซึ่งโดยมากแล้วประเทศเหล่านี้มักดำเนินนโยบายเปิดเสรีการค้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2547 ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยร้อยละ 5.9 ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ความช่วยเหลือจากประเทศร่ำรวยที่มีให้ประเทศยากจนก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหากวัดจากปี 2542 เพราะนานาชาติมีมาตรการปลดหนี้ให้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ประเทศยากจนเหล่านี้ยังส่งออกน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติในปี 2547 สูงเป็นประวัติการณ์หรือประมาณ 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ( 2.28 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากปี 2546 และมีต่างชาติเข้าไปลงทุนในภาคเอกชนถึง 10,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (428,000 ล้านบาท) แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับกระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น
ในความเป็นจริง การพัฒนาความเป็นเมืองและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกสร้างโอกาสให้แก่ประชาชนในประเทศยากจนได้น้อยมาก และประเทศเหล่านี้ยังคงต้องแบกรับภาระหนี้ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอัตราการออมผลผลิตในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การนำเข้าอาหารเพิ่มมากขึ้น และอัตราผลผลิตของประชากรต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเปราะบางต่อการแข่งขันและตลาดโลกที่เปิดกว้างขึ้น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)