Skip to main content
sharethis


กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ลงแขกดำนารวม สมัชชาประชาชนอุดรธานีประกาศผนึกกำลังคนเมืองเคียงบ่าเคียงไหล่ต้านเหมืองโปแตช ตั้งเป้าปีนี้ระดมทุนกว่า 3 แสนสู้อิตาเลียนไทย


 


 


วันนี้(1 กันยายน 2550) ตั้งแต่เวลา 07.00 - 15.00 น. กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีกว่า 400 คนร่วมกันดำนารวมเพื่อระดมทุนต่อต้านเหมืองแร่โปแตช โดยมีกลุ่มเยาชนคนฮักถิ่นประมาณ 50 คนเข้าร่วม ทั้งนี้ได้มีตัวแทนสมัชชาประชาชนจังหวัดอุดรธานีได้มาให้กำลังใจพร้อมทั้งนำอาหารเที่ยงมาร่วมสนับสนุน


 


นายสมยศ นิคำ ประธานกรรมการนารวม กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าปีนี้ได้มีสมาชิกกลุ่มคนหนึ่งเสียสละที่นาจำนวน 50 ไร่ให้กลุ่มทำนารวมเพื่อระดมทุนต้านเหมืองแร่โปแตช แต่เมื่อต้นปีฝนค่อนข้างน้อยปักดำไม่เสร็จต้องรอมาเรื่อย ๆ จนสมาชิกส่วนใหญ่ทำนาของตนเสร็จจึงกำหนดให้วันนี้เป็นดำนารวมต้านเหมืองแร่โปแตชร่วมกัน


 


"5 ปีมาแล้วกลุ่มอนุรักษ์ฯ ระดมทุนด้วยการทำบุญกุ้มข้าวใหญ่ คือเอาข้าวที่ผลิตได้มารวมกันเพราะคนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวนา แต่ 2 ปีมานี้จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวรณรงค์มากขึ้นเพราะบริษัทกำลังรุกแบ่งแยกชาวบ้านให้เป็นสองฝ่าย กลุ่มจึงต้องทำงานหนักเพื่อสร้างความเข้าใจกับคนอื่น ๆ ทำให้กลุ่มมีมติกันว่าต้องหาทุนเพิ่มจึงเลือกการทำนารวมเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวนา ถนัดจะทำนา และปีนี้การทำนารวมเป็นปีที่ 2 และสมาชิกให้กลุ่มใช้พื้นที่ทั้งหมดเกือบ 50 ไร่โดยไม่คิดมูลค่า และพื้นที่ก็เป็นนาลุ่มที่เรียกได้ว่า "นาเอก" หรือนาที่สมบูรณ์ดี ทั้งน้ำและดิน จึงคาดว่าปีนี้หากฝนไม่ทิ้งช่วงกลุ่มจะได้ผลผลิตข้าวจากนารวมไม่ต่ำกว่า 10 ตันถ้าขายข้าวเปลือกตันละประมาณ 10,000 - 12,000 จะมีทุนประมาณ 100,000 - 120,000 บาทเพื่อสมทบกับทุนจากการทำบุญกุ้มข้าว ช่วงปลายปีหลังสมาชิกเก็บเกี่ยวก็อาจจะมีเงินกองทุนเพิ่มขึ้นสัก 200,000 - 300,000 บาทโดยกลุ่มได้จัดให้มีคณะกรรมการนารวมซึ่งประกอบด้วยสมาชิกกลุ่มที่มีนาใกล้เคียงนารวม กว่า 50 คนมาช่วยกันดูแลเรื่องน้ำ การปรับปรุงดิน ใส่ปุ๋ย ดูแลวัชพืช"


 


ทั้งนี้นายสมยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าปีนี้จะต้องใช้ทุนมากในการเคลื่อนไหวค้านเหมืองแร่โปแตช เพราะแกนนำ 5 คนที่บริษัทฟ้องร้องดำเนินคดีจะพิจารณาคดีแล้ว และฝ่ายบริษัทออกมาเคลื่อนไหวแบ่งแยกชาวบ้านในพื้นที่โดยการ ออกใบปลิวประกาศรับสมัครงาน จัดตั้งชาวบ้านอย่างชัดเจนออกมาซ้อมเดินรณรงค์เตรียมตัวปะทะกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่าบริษัทพร้อมจะใช้ทุกมาตรการเพื่อให้ได้รังวัดปักหมุด และทำเหมืองแร่เพราะหากปล่อยไปบริษัทก็ยิ่งขาดทุนในตลาดหุ้น


 


"กลุ่มอนุรักษ์ฯ สู้กับนายทุนใหญ่อย่างอิตาเลียนไทย เขามีเงินมากมีงบประชาสัมพันธ์เป็นหลายสิบล้านแต่เราก็ยืนหยัดต่อสู้ ด้วยวิธีการของชาวบ้านเราไม่มีเงินแต่มีใจ ด้วยเรียวแรงที่มีอยู่ในตัว จึงรวมใจกันทำนารวม และเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะอิตตาเลียนไทยหรือบริษัทไหน เราก็สู้ได้ด้วยน้ำใจเข้มแข็งของเราไม่ยอมแพ้เด็ดขาด"


 


นายอภินันท์ โททุโย อายุ 18 กลุ่มเยาวชนคนฮักถิ่น กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วยเพื่อน ๆ กว่า 50 คนที่หยุดเรียนเพราะเป็นวันเสาร์จึงชักชวนกันมาช่วยไถนารวม ถอนกล้า แล้วก็ดำนา เพราะวันนี้ต้องร่วมแรงกันและปักดำให้เสร็จ ที่ผ่านมาตนและเพื่อนกลุ่มเยาวชนคนฮักถิ่นก็ร่วมกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์ฯมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเดินรณรงค์ การทำกิจกรรมวิทยุชุมชน การช่วยเขียนป้ายรณรงค์คัดค้านโครงการเพราะรู้สึกว่าอย่างไรซะที่นี่ก็บ้านเรา ถ้าหากเกิดเหมืองแร่ขึ้นจริงคนที่จะได้รับผลกระทบคือเราที่จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ต่อไป จึงไม่อยากจะอยู่เฉย ๆ ต้องสู้และสืบต่อเจตนารมณ์ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ คันค้านเหมืองแร่จนกว่ามันจะยกเลิกและออกไปจากบ้านเรา นายอภินันท์ กล่าว


 


นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ตัวแทนสมัชชาประชาชนอุดรธานี กล่าวว่า วันนี้ตนรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจที่ได้เห็นความร่วมมือร่วมแรงของชาวบ้านซึ่งต่างกันคนในเมืองทั่วไปที่ต่างคนต่างอยู่ แต่ชาวบ้านวันนี้ตั้งแต่มาแต่เช้า นำอาหารการกินมาเอง ลงแรงไถนา ดำนา อย่างพร้อมเพรียง ทำให้ตนรู้สึกว่าหากในสังคมไทยคนมีความสมัคคีอย่างกลุ่มอนุรักษ์ปัญหาของประเทศคงไม่มากขนาดนี้ ท้องถิ่นต้องแสดงพลังที่เข้มแข็งเอื้ออารีช่วยเหลือกันดีอย่างนี้


 


"วันนี้ตนในฐานะคนเมืองอุดรฯ ก็ได้ปรึกษากับสมาชิกสมัชชาอุดรธานี ซึ่งอยากมีส่วนร่วมเพราะมีความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นร่วมกับชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ส่วนคนในตัวเมืองก็ถือว่ารู้ข้อมูลโครงการนี้น้อยอยู่ขาดการเรียนรู้ร่วมกันอยู่บ้างดังนั้นสมัชชาประชาชนอุดรธานีอาจจะต้องคุยกันให้มากขึ้นว่าจะมีส ่วนช่วยเหลือในการขับเคลื่อนนำข้อมูลสู่ประชาชนในเมืองอุดรฯให้มากขึ้นได้อย่างไร เราสมัชชาประชาชนอุดรธานีกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีจะต้องจำมือกันให้เหนียวแน่นมากขึ้นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ มีจุดยืนที่มั่นคงก็เชื่อว่าสู้ได้กับทุกอย่าง"


 


นายเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันนี้เราแทบจะคาดเดาไม่ได้เลยว่ากลุ่มทุนจะจับกลุ่มกับขั่วอำนาจอย่างไร อันนั้นมันไม่สำคัญผมคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ได้ระบุเรื่องสิทธิชุมชนไว้ค่อยข้างชัดเจนหลายระดับทั้งเรื่องการมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการพัฒ นาตลอดไปจนถึงการตัดสินใจต่อโครงการใด ๆ ด้วย ผมเห็นว่าที่ผ่านมารัฐ หรือฝ่ายการเมืองมักจะจับมือกับทุนแต่ทิ้งชาวบ้านให้ต่อสู้ลำพัง จึงมีปัญหา เรื่องแร่โปแตชผมเห็นว่าจะต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมทุกระดับรวมทั้งการตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอาโครงการ และฝ่ายการเมืองต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายไม่เช่นนั้นปัญหาก็ไม่มีวันจบ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net