Skip to main content
sharethis

รวบตัว ‘โชกุน’ และครอบครัว ตุ๋นทัวร์ญี่ปุ่น รมว.ท่องเที่ยว ชี้เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ รองโฆษก สตช. แจงเป็นการฉ้อโกงประชาชน ด้านชูวิทย์ เผย ผู้เสียหายไม่ได้โลภ แค่ต้องการโอกาสไปเที่ยว พร้อมอัดมาตราการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่

12 เม.ย.2560 จากกรณีวานนี้ (11 เม.ย.) เวลา 21.30 น. ได้มีกลุ่มผู้โดยสารชาวไทยกว่า 1,000 คนได้รวมตัวกันที่บริเวณ ประตู 1-2 ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เนื่องจากถูกหลอกซื้อทริปท่องเที่ยวไปประเทศญี่ปุ่น โอซาก้า ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน กับ บริษัทขายอาหารเสริมชื่อ เวล เอเวอร์ (WealthEver) ในราคา 9,730-20,000 บาท และนัดเดินทางในวันที่ 11-16 เมษายน 2560 โดยระบุว่าเป็นการเดินทางแบบเครื่องบินเช่าเหมาลำโดยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก แต่เมื่อมาถึงกลับไม่มีเที่ยวบินดังกล่าวนั้น

จนท.รวบซินแสโชกุนและครอบครัว

ล่าสุด วันนี้ (12 เม.ย.60)  รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร สามารถควบคุมตัว มารดาและครอบครัวของ พิสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ หรือ "ซินแสโชกุน" เจ้าของบริษัทเวล เอเวอร์ ได้ที่ห้างบิ๊กซี จ.ระนอง พร้อมกับได้เชิญตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรระนอง

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม ยังสามารถจับกุมตัว พิสิษฐ์ หรือ "ซินแสโชกุล" เอาไว้ได้ในช่วงบ่ายของวันนี้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถควบคุมตัวได้ขณะกบดานอยู่ในบ้านพัก ภายในกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบบ้านพัก เพื่อหาหลักฐานต่างๆ ที่เชื่อมโยงการทำธุรกิจหลอกหลวงประชาชนในครั้งนี้ โดยคาดว่าจะนำตัว พิสิษฐ์ หรือ "ซินแสโชกุน" มาสอบปากคำได้ในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันนี้

รมว.ท่องเที่ยว ชี้เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ เผยผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 470 ราย

โดยก่อนหน้านั้น กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้มารับฟังเหตุการณ์ และสถานการณ์ในตอนนี้ก็มั่นใจว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนของบริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งซึ่งการรับสมัครและเก็บค่าสมาชิกที่ 9,730 บาท และบอกว่าให้ไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นได้ โดยบอกว่าในวันนี้จะมีชาเตอร์ไฟร์ 6 ลำ มารับไป ซึ่งเราเช็คกับทางสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้วไม่มีชาเตอร์ไฟร์ทั้ง 6 ลำแน่นอน สมาชิกบางท่านก็รับทราบก็ทยอยกลับไปบ้านแต่บางส่วนก็เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นเพราะเคยมีล๊อตหนึ่งเมื่อก่อนมีการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจริง แต่ก็คาดว่าจะเป็นลักษณะบริษัทขายตรง เวลาที่เขามีการหลอกลวง ในครั้งแรกก็จะมีการเกิดขึ้นจริง เพื่อทำให้มีสมาชิกใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น แล้วก็นำเงินส่งเงินเข้ามาแล้วหารายได้แต่พอถึงสุดท้ายก็จะเป็นการทิ้งทัวร์ไปเลย

กอบกาญจน์ ยังกล่าวย้ำว่า ตำรวจกำลังดำเนินเรื่องอยู่ เพราะถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนที่ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นกับบริษัทขายตรงบริษัท เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่ท่านอาศัยอยู่ ส่วนที่กรุงเทพฯให้แจ้งความที่กองปราบปราม เพราะว่าไม่มีการเดินทางแน่นอน อยากจะให้เป็นบทเรียนให้กับพี่น้องคนไทย

ต่อมา กอบกาญจน์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีผู้เสียหายที่ได้เข้าแจ้งความอย่างเป็นทางการแล้วจำนวน 470 คน และเชื่อว่าจะมีจำนวนมากกว่านี้  สำหรับกรณีนี้อาจจะเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และยังพบอีกว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้ยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ขณะนี้ทางตำรวจกองปราบปราม เป็นแม่งานในการดำเนินคดี

รองโฆษก สตช. ชี้เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ส่วนพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า คาดว่า ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เนื่องจากพบการกระทำความผิดที่ชัดเจน ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดี สำหรับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อเพื่อแจ้งความได้ สภ.สุวรรณภูมิ หมายเลข 02-134-0555 และ สายด่วนกองปราบปราม 1195 ตลอด 24 ชั่วโมง

ชูวิทย์ เผยเหยื่อมาจากทั่วสารทิศ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักจัดรายการทางไทยรัฐทีวี ได้เข้าพูดคุยกับผู้เสียหายจากกรณีนี้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตัวเองด้วยว่า เหยื่อมาจากทั่วสารทิศ ทั้ง เชียงใหม่ อุบล ลำปาง ชลบุรี ไปจนถึงสงขลา ทุกคนพาญาติพี่น้องมากันเป็นหมู่คณะ หวังจะได้ไปชมดอกซากุระถึง โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

"ผมเดินตระเวนสอบถามผู้เสียหาย ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการหลอกลวงคนไปเที่ยวแล้วลอยแพครั้งใหญ่ เพราะมีเหยื่อร่วม 2-3 พันคน ความวุ่นวายสับสนจากคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวทำให้สนามบินแน่นขนัดขนาดต้อง นั่งพื้น ยืนรอ เหมือนสถานีขนส่งหมอชิต บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดล่วงหน้าตั้งแต่คืนก่อน บางคนก็มาแต่เช้าจนกระทั่งดึกยังไม่ได้ไป" ชูวิทย์ โพสต์

แฉมาจากหลอกรูปของ MLM ชี้ไม่ใช่เพราะโลภ แค่ต้องการมีโอกาสไปเที่ยว

ชูวิทย์ ระบุถึงที่มาของเรื่องดังกล่าวด้วยว่า มาจากการหลอกลวงในรูปแบบของ MLM (Multiple Level Marketing) หรือการอ้างการขายสินค้าที่มีการสมัครสมาชิก โดยแบ่งเป็นแต่ละสาย มี แม่ทีมเอายาบำรุงบังหน้า และอ้างว่าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นในราคา 9,730 บาท ราคาถูกจริง เพราะต้องการโปรโมทสินค้า ได้งบโฆษณาจากบริษัทยาเมืองนอก

"ใครๆ ก็อยากไป เพราะราคาถูก ตั๋วเครื่องบินและโรงแรมก็หายาก ไม่ใช่เขาโลภมากอยากได้เงิน แต่ในวันสงกรานต์ได้มีโอกาสไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวญาติพี่น้องสักครั้งในชีวิต แถมบางคนไม่เคยมากรุงเทพฯเลยเสียด้วยซ้ำ" ชูวิทย์ โพสต์

อัดมาตรการแก้ปัญหา แย่เหลือทน

นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังได้วิจารณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ด้วยว่า แย่เหลือทน เป็นสนามบินระดับประเทศแท้ๆ มีระดับรัฐมนตรีมาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง กลับแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ขณะที่เหยื่อถูกหลอกเดินทางมาจากต่างจังหวัด แต่ดันจะไล่เขากลับไปแจ้งความที่ภูมิลำเนาอีก แล้วทำไมไม่ตั้งศูนย์รับแจ้งฉุกเฉินที่สนามบิน เพราะเหยื่อทุกคนก็พร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ที่นี่แล้ว

“มัวแต่กลัวว่าอยู่สนามบินเยอะจะแตกตื่น พยายามจะไล่เขากลับท่าเดียว อ้างว่าจะขอคืนพื้นที่ แล้วจะให้เขากลับอย่างไรล่ะครับ เพราะวันนี้รถที่ไหนมันจะไปเหลือ เรื่องก็คาราคาซัง ความไม่พร้อมเลยทำให้สับสนอลหม่านกันไปหมด ผมยังนึกไม่ออก นี่ขนาดแค่คนถูกหลอกยังจัดการได้แค่นี้ แล้วหากเกิดเหตุฉุกเฉินร้ายแรงจะทำอย่างไร รู้ๆอยู่แล้วว่าเทศกาลสงกรานต์คนเดินทางมาก ควรจะมีแผนรองรับเรื่องฉุกเฉินได้ดีกว่านี้” ชูวิทย์ โพสต์วิจารณ์การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่

 

เรียบเรียงจาก : มติชนออนไลน์, ผู้จัดการออนไลน์, เนชั่นทีวี 1, 2 และ โพสต์ของชูวิทย์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net