Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เพราะเหตุใดมนุษย์จึงเต็มใจที่จะทำร้ายทรมานเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง?

สมมติว่าคุณได้เป็นอาสาสมัครเข้าไปร่วมการทดลองเกี่ยวกับ "ความทรงจำ" การทดลองหนึ่ง เมื่อคุณไปถึง คุณพบกับอาสาสมัครอีกคนหนึ่งที่มารอทำการทดลองเช่นเดียวกับคุณ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ออกมาอธิบายว่าเรากำลังจะทำการทดลองเรื่อง "ความทรงจำและการเรียนรู้" โดยให้อาสาสมัครคนหนึ่งได้รับบทเป็น "ครู" และอีกคนหนึ่งเป็น "นักเรียน" โดยการจับไม้สั้นไม้ยาว คุณบังเอิญว่าจับไม้ยาว และได้รับเลือกเป็นคุณครู ระหว่างคุณกับอาสาสมัครที่ได้รับเลือกเป็นนักเรียน ถูกคั่นด้วยกำแพงหนึ่ง และคุณได้รับมอบหมายให้ทำการ "สอน" และ "ลงโทษ" นักเรียนทุกครั้งที่ตอบผิด ด้วยการช๊อตไฟฟ้า เบื้องหน้าของคุณมีสวิทซ์ไฟฟ้าตั้งแต่ไม่กี่โวลต์ ไปจนถึง 200-300 โวลต์พร้อมกับคำเตือนว่า "อันตราย" "อันตรายมาก" ไปจนถึง 450 โวลต์ที่ไม่ได้เขียนอะไรเอาไว้อีก นอกจากกากบาท "X" ตัวโตสามตัว

หลังจากที่คุณได้ทำการ "สอน" ไปสักพักหนึ่ง นักเรียนของคุณเริ่มตอบผิด และส่งเสียงอย่างเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้รับการช๊อต ขอร้องให้หยุดทำการทดลองเสีย จากนั้นไม่นานเสียงกรีดร้องอีกฟากของกำแพงก็ได้หยุดลง แต่ผู้ดำเนินการทดลองก็ได้บอกให้คุณดำเนินการทดลองต่อไป คุณคิดว่าคุณจะกดช๊อตไฟไปไกลกี่โวลต์ ก่อนที่จะหยุดไม่ดำเนินการทดลองต่อไป? 100 โวลต์? 200 โวลต์? 350 โวลต์? คุณคิดว่าจะมีอยู่กี่คนที่ยังคงกดช๊อตไฟต่อไปจนถึง "XXX" ที่ 450 โวลต์?

นี่เป็นการทดลองของ Stanley Milgram จากมหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ที่ได้ทำการทดลองเอาไว้เมื่อปี 1961 แต่ในความเป็นจริงแล้ว "อาสาสมัคร" อีกคนหนึ่งนั้นเป็นเพียงนักแสดง ที่จะได้รับบทบาทเป็น "นักเรียน" เสมอ และไม่ได้มีการช๊อตไฟฟ้าจริงแต่อย่างใด เสียงที่ได้ยินผ่านกำแพงทั้งหมดเป็นเพียงการแสดง และสิ่งที่ Milgram ต้องการจะทดลองจริงๆ ก็คือ "Blind Obedience to Authority" นั่นก็คือมนุษย์เรานั้นจะหลับหูหลับตาเชื่อฟัง และทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายไปถึงเมื่อใด

ก่อนเริ่มทำการทดลอง Milgram ได้ให้นักเรียนวิชาจิตวิทยาของเขาทำการโหวตว่าพวกเขาคิดว่าจะมีผู้ร่วมการทดลองกี่เปอร์เซ็นต์ที่กดช๊อตไฟฟ้าไปถึงสูงสุด 450 โวลต์ ผลการคาดการณ์เบื้องต้น คาดเอาไว้ว่าอาสาสมัครไม่เกิน 5% จะยังคงดำเนินการทดลองต่อไปเมื่อเสียงของ "นักเรียน" ได้เงียบลงไปแล้วที่ 300 โวลต์ และไม่ถึง 0.1% จะกดต่อไปจนถึง 450 โวลต์

แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น Milgram กลับพบว่าถึงกว่า 65% ยังคงดำเนินการทดลองต่อไป ไม่ว่า "นักเรียน" อีกห้องหนึ่งจะขอร้อง หรือแม้ว่าหลังจากเสียงโหยหวนนั้นได้เงียบลงไป อาสาสมัครก็ยังคงกดไฟช๊อตต่อไป เลยขีด "อันตราย" และ "อันตรายมาก" ไปจนถึง "XXX" ที่ 450 โวลต์ สามครั้ง ก่อนที่การทดลองจะยุติลง

อย่างไรก็ตาม อาสาสมัครเกือบทุกคนก็ได้แสดงความลำบากใจเป็นอย่างยิ่งที่จำดำเนินการทดลองต่อไป อาสาสมัครเกือบทุกคนหยุด และหันมาถามผู้ทดลองว่าจะให้ดำเนินการต่อไปหรือไม่ บ้างก็บอกว่าจะยอมคืนเงินค่าอาสาสมัครที่ได้รับ หลายๆ คนแสดงอาการเครียด เหงื่อออก ตัวสั่น กัดริมฝีปาก พูดติดอ่าง เอาเล็บจิกบนผิวหนังตัวเอง บางคนก็ถึงกับช๊อคหรือหัวเราะออกมา

แต่แม้กระนั้นก็ตาม อาสาสมัครก็ยังคงดำเนินการทดลองและช็อตไฟต่อไป ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา

เพราะเหตุใดมนุษย์เราจึงยินยอมและเต็มใจที่จะทำร้ายผู้อื่น? เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นมนุษย์ที่ใจร้ายหรืออย่างไร? แท้จริงแล้วอาสาสมัครเกือบทุกคนก็เป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเรา และเป็นคนที่เราๆ อาจจะเรียกกันว่าเป็น "คนดี" แต่เพียงเพราะพวกเขามี "สถาบัน" เป็นที่อ้าง อาจทำให้พวกเขารู้สึกเป็นอิสระจากความรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำลงไป นอกไปจากนี้ นักจิตวิทยาทั่วโลกก็ได้เคยมีการพยายามทำซ้ำการทดลองของมิลแกรม และได้ผลที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก

นั่นเอง การทดลองของ Milgram ชี้ให้เห็นว่ามนุษย์เรานั้นเกิดมาพร้อมกับสัญชาติญาณที่จะทำตาม "คำสั่ง" ที่ได้รับมอบหมายมา ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะขัดกับสามัญสำนึกของเราเพียงใด เช่นเดียวกับอาสาสมัครกว่า 65% ที่แสดงความไม่พึงพอใจที่จะทำการช๊อตไฟอาสาสมัครอีกคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ยังคงดำเนินการต่อไป แค่เพียงเพราะว่ามีใครอีกคนบอกให้พวกเขาทำ

Milgram ได้ดำเนินการทดลองนี้สามเดือนหลังจากที่เริ่มมีการไต่สวนคดีการฆ่าล้างชาวยิวของเหล่านาซี เขาสงสัยว่าเพราะเหตุใดคนทั้งกองทัพนาซีจึงสามารถที่จะทำสิ่งที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นได้ การทดลองของมิลแกรมบ่งชี้ให้เห็นว่า บางที่แล้ว "อสูรกาย" อาจจะไม่ได้อยู่ในตัวมนุษย์แต่อย่างใด แต่อยู่ใน "ระบบ" และ "คำสั่ง" ที่ทำให้เราประพฤติตัวดังเช่น "อสูรกาย" ไปโดยไม่รู้ตัว

หลังจากการทดลอง ได้มีการสัมภาษณ์อาสาสมัครทุกคน อาสาสมัครส่วนมากก็บอกว่า ถ้าถามพวกเขาเองก่อนการทดลอง พวกเขาก็คิดว่าพวกเขาคงจะไม่มีวันที่จะสามารถทำอะไรที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ แต่การทดลองนี้ได้เปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาไป มันสอนเขาว่าพวกเขาก็สามารถตกเป็นภัยของ "คำสั่ง" ได้ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วๆ ไป และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายสิบปี พวกเขาก็ยังคงรู้สึกว่าการได้เป็นส่วนร่วมของการทดลองนั้น และได้เห็นว่าตัวพวกเขาเองสามารถเป็นเหยื่อของคำสั่ง ทำให้ต้องทำอะไรที่ไม่เต็มใจทำได้แค่ไหน มันได้เปิดโลกพวกเขาเพียงใด

หากเรามองไปรอบๆ ตัวเราในยุคปัจจุบันนี้แล้ว เราก็จะสามารถพบเห็นพฤติกรรมเดียวกันกับการทดลองของ Milgram ได้ทั่วไป มนุษย์เป็นจำนวนมากยังคงทำร้ายและทรมานเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่อไป เพียงเพราะพวกเขาอ้างว่าพวกเขาเพียงทำตาม "คำสั่ง" ยิ่งไปกว่านั้น ในบางครั้งการอ้างว่าทำอะไรไปเพื่อ "สถาบัน" อาจจะทำให้เราต้องกลายเป็น "อสูรกาย" ไปโดยไม่รู้ตัว

ทุกวันนี้ เราได้ยินเรื่องมนุษย์ ทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันจนถึงแก่ความตายอยู่บ่อยครั้ง เราจะโยนว่าเรื่องราวเหล่านั้น เกิดขึ้นจากจิตใจมนุษย์ที่เหี้ยมโหดไม่กี่คน เพียงเท่านั้นหรือ หรือว่าเราควรที่จะโทษ "ระบบ" ที่ทำให้เกิด "คำสั่ง" อันเหี้ยมโหด หรือ "สถาบัน" ที่เป็นเครื่องมือที่ทำให้พวกเขาสามารถผลักความรับรับผิดชอบ ว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพราะพวกเขาเป็นคนเหี้ยมโหด แต่พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการธำรงอยู่ของ "สถาบัน" อันเป็นที่รักต่างหาก

 

หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกใน เฟสบุ๊ค มติพล ตั้งมติธรรม

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net