น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีด ส.ส. พิษณุโลกร่วมกับทีมงานร่วม 10 คน ทำพิธีบรวงสรวงพระนเรศวร อันเชิญสิ่งศักดิ์และดวงวิญญาณเป็นสักขีพยานในการประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุไม่ยอมให้ใครมาว่าพรรคว่า “ขี้แพ้” ลั่นวันใดประชาธิปัตย์ชนะ ประเทศไทยก็ชนะด้วย

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานว่า เวลา 17.00 น. ที่ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, วิทยา แก้วภราดัย ,บวร ศรีเปารยะ, วิชัย ล้ำสุทธิ , สงกรานต์ จิตสุทธิภากร สมบัติ ยะสินธุ์  ฯลฯ  ได้จัดพิธีบวงสรวงพระนเรศวร พร้อมอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณเป็นสักขีพยานในการประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

นพ.วรงค์ กล่าวหลังจากเสร็จพิธีว่า วันนี้มาทำพิธีที่ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นมาด้วยหัวใจ สิ่งที่จะพูดจึงเป็นการพูดด้วยหัวใจ และเป็นความตั้งใจจริงซึ่งจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างประสบผลสำเร็จ พร้อมสาบานว่า หากสิ่งที่จะพูดไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ตนเองและพวกต้องมีอันเป็นไป

“พี่น้องที่เคารพทุกท่านครับ วันนี้ประเทศเรามีวิกฤติ ประเทศเรามีปัญหาผมก็เชื่อว่า ทุกท่านคงฝากความหวังไว้ที่พรรคประชาธิปัตย์ การที่จะนำประเทศก้าวไปข้างหน้า ทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง แต่พี่น้องก็คงทราบว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังเกิดวิกฤติ สภานการณ์ของพวกเราไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร อดีตที่ผ่านมาพวกเราแพ้การเลือกตั้งมาต่อเนื่อง นับ 10 ปี กระแสนิยมพวกเราตกต่ำ มีคนวิพากษ์วิจารณ์พวกเราหลายอย่าง ล่าสุดเราก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลือดไหลออกไม่หยุด ช่วงที่ผ่านมามีบางคนบอกว่า พวกเราสร้างภาพ บางคนบอกว่าพวกเราดีแต่พูด คู่ต่อสู้ชี้หน้าเราว่าพวกขี้แพ้ เขาหยามเรามาก ผมตอบตัวเองมาตลอดว่าผมไม่ยอม แต่อดีตที่ผ่านมาผมไม่มีหน้าที่ในการวางแผนเพื่อต่อสู้เพื่อเอาชนะ แต่ผมสำนึกอยู่ในใจเสมอว่า ผมยอมไม่ได้” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาได้ไปพบปะประชาชน ทุกคนฝากความหวังไว้ที่พรรคประชาธิปัตย์ และหลายคนถามว่าเมื่อไหนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ หลายคนรอผู้กล้าที่จะเข้ามาแต่ก็ไม่มีใครเข้ามา จนวันหนึ่งพวกตนในนามทีมเพื่อนหมอวรงค์ ได้มาปรึกษาหารือกันว่า กล้าหรือไม่ที่จะเปลี่ยนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นพรรคของประชาชน

“เราตั้งชื่อทีมว่ากล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชน และขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์อันเป็นที่รักของเราทุกคนกำลังจะเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ความเข้มแข็งของพรรคฯ เราจะเปลี่ยนแปลงเพื่อความยิ่งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต เราเชื่อว่าวันใดที่ประชาธิปัตย์ชนะ วันนั้นประเทศไทยต้องชนะควบคู่ไปด้วย”