อดีตนักโทษทางการเมืองชาวเวียดนาม เญิ๊ต ยังคงหายตัว ผู้ใกล้ชิดให้ข้อมูลว่ามีเบอร์แปลกมากมายโทรหาเญิ๊ตหลายต่อหลายครั้ง โดยสายสุดท้ายบอกให้เขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้อยู่และย้ายออกจากโรงแรมก่อนที่เญิ๊ตจะบอกกับคนใกล้ชิดว่าตนอยู่ที่ฟิวเจอร์ปาร์กก่อนที่จะขาดการติดต่อและหายตัวไป
14 ก.พ. 2562 เป็นเวลาเกือบสามสัปดาห์ที่ยังไม่มีข่าวสารหรือข้อมูลคืบหน้าเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ของเชืองซวีเญิ๊ต อดีตนักโทษทางการเมืองชาวเวียดนามที่หายตัวและขาดการติดต่อไปในประเทศไทยหลัง 26 ม.ค. 2562 เญิ๊ตได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยกับสำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เขาเดินทางมาติดต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ก็ไม่มีใครพบเห็นเญิ๊ตอีกนับจากนั้น
บีบีซีภาคภาษาเวียดนามรายงานเมื่อ 10 ก.พ. 2562 โดยอ้างข้อมูลที่ได้รับจากนักเคลื่อนไหว เอ (นามสมมติ) คนส่งเญิ๊ตที่สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ในวันที่ 25 ม.ค. 2562 เพื่อยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัย เอได้ให้ข้อมูลว่า หนึ่งวันก่อนที่เญิ๊ตจะหายตัวไป เขาได้ระบายกับเอว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่กลับจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ ก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ของเขาอย่างต่อเนื่องซึ่งผู้ที่โทรเข้ามามีทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีทั้งคนเวียดนามและคนไทย เญิ๊ตและเอจึงตกลงกันว่าจะให้เญิ๊ตไปซื้อซิมการ์ดใหม่
เอเล่าต่อว่า ในวันที่เสาร์ที่ 26 ม.ค. 2562 เญิ๊ตโทรหาเขาตอน 17 นาฬิกา 20 นาทีผ่านวอทส์แอปป์ โดยเญิ๊ตได้บอกกับเอ ว่ากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่ฟิวเจอร์ปาร์ค ซึ่งในขณะนั้น เญิ๊ตตกอยู่ในภาวะกังวลอย่างหนัก เขาเล่ากับเอว่าเมื่อเช้าวันนั้นมีสายเรียกเข้ามาที่โทรศัพท์ของเขาอย่างน้อยสามสาย โดยสายสุดท้ายนั้น เญิ๊ตเล่าว่าเป็นผู้ชายโทรเข้ามาบอกกับให้เขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่และให้ออกจากโรงแรมที่กำลังพักอยู่เสีย เญิ๊ตจึงรีบย้ายโรงแรมด้วยความกลัวและขอให้เอติดต่อหาคนที่จะมาช่วยเขา เอกล่าวกับทางบีบีซีว่าเขาได้ติดต่อบี (นามสมมติ) เพื่อนของเขาหลังจากวางสายเญิ๊ตไป เพื่อขอให้บีช่วยเหลือเญิ๊ต ซึ่งเมื่อทางบีบีซีสัมภาษณ์ บีก็ได้ทราบว่าเขาคุยโทรศัพท์กับเอจริงในวันที่ 26 ม.ค.
ส่วนทางโรงแรมแถบชานเมืองของกรุงเทพฯ ที่เญิ๊ตเข้าพักได้ให้ข้อมูลว่า มีคนที่หน้าตาคล้ายกับเญิ๊ตพักอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวจริงๆ โดยเข้าพักเป็นระยะเวลา 6 วัน แม่บ้านวัยกลางคนที่โรงแรมกล่าวว่าเญิ๊ตอยู่ที่นี่จริงๆ เขาเป็นชาวต่างชาติที่ดูเด่นที่สุด เพระพูดภาษาไทยไม่ได้ ซึ่งตอนมาเข้าพักนั้นเขาเข้ามาในตอนเช้าแบบไม่ได้จองล่วงหน้า และเดินทางมาโดยแท็กซี่ อย่างไรก็ตามทางโรงแรมก็ไม่ได้ให้ข้อมูลมากนัก โดยกล่าวว่าไม่ได้มีระบบลงทะเบียนเข้าพักจึงไม่สามารถให้ข้อมูลในเชิงรายละเอียดได้ และแม้จะมีกล้องก็เป็นกล้องที่ความจำน้อยจึงมีระบบที่ลบความจำทุกสัปดาห์
เหตุการณ์ก่อนที่เญิ๊ตจะเข้าพักที่โรงแรมได้ถูกเล่าโดยเอว่าเญิ๊ตเดินทางเข้าไทยเมื่อตอนกลางคืนของวันที่ 19 ย่ำเช้าวันที่ 20 เขาเป็นคนรับเญิ๊ตจากฟิวเจอร์ปาร์กและส่งตรงมาที่โรงแรมดังกล่าวทันทีเพราะเป็นสถานที่ง่ายแก่การเดินทาง เขาจองให้เญิ๊ตสามคืนจากนั้นเญิ๊ตก็จัดสินใจจ่ายค่าที่พักเพิ่มเพื่อพักต่อ กระบวนการติดต่อเข้าพักไม่ได้ยุ่งยากอะไร พนักงานเพียงแค่ถ่ายภาพหนังสือเดินทางของเญิ๊ตและชำระเงิน
เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลเรื่องการหายตัวของเญิ๊ต องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งทางการเวียดนามและทางการไทยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนฟิล โรเบิร์ตสันจากองค์กรฮิวแมนไรต์วอทช์ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำการสืบสวนเรื่องการหายตัวของเญิ๊ตเช่นกัน ส่วนด้านข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ในเรื่องนี้
ในปี 2557 เชืองซวีเญิ๊ตถูกตัดสินจำคุกสองปีในมาตรา 258 ในประมวลกฎหมายอาญาปี 2542 รัฐบาลเวียดนามกล่าวหาว่าเว็บบล็อกของเขาที่มีชื่อว่า Một Góc Nhìn Khác̣ (มุมมองอื่น) เป็นการละเมิดอิสรภาพทางประชาธิปไตยเพื่อล่วงเกินผลประโยชน์ของรัฐ อย่างไรก็ตาม เขาถูกปล่อยตัวในปี 2558 โดยบล็อกของเขานั้นมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนาม หนึ่งงานเขียนของเขาเมื่อปี 2556 เรียกร้องให้เหวียนเติ๊นสุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามในขณะนั้น และเหวียนฟู้ฉ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามลาออกจากตำแหน่งเพราะบริหารเศรษฐกิจของประเทศผิดพลาด
แปลและเรียบเรียงจาก
Trương Duy Nhất: Những ngày ở Thái Lan trước khi 'mất tích', BBC, Feb. 10, 2019
Former Political Prisoner, Truong Duy Nhat, Disappeared In Thailand After Seeking Refugee Status With UN, The Vietnamese, Feb. 1, 2019