Skip to main content
sharethis

'สมชัย ศรีสุทธิยากร' อดีต กกต. แถลงสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ระบุมีแค่ 14 พรรคได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ใช่ 25 พรรคตามที่ กกต.ชี้แจง 'อนาคตใหม่' เตรียมแถลงสูตร กกต. ไม่เป็นธรรม-ละเมิดเสียงประชาชน ด้าน สนช.งัดบันทึกประชุมป้อง กกต. ยันสูตรปาร์ตี้ลิสต์คิดเป็นปีก่อนรู้ผลเลือกตั้ง

สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่มาภาพ: สยามรัฐออนไลน์

8 เม.ค. 2562 สยามรัฐออนไลน์ รายงานว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยไล่เรียงการคำนวณตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ตั้งแต่ (1) ถึง (7) มาแจกแจงวิธีการคำนวณอย่างละเอียดต่อสื่อมวลชน โดยย้ำว่าต้องพิจารณากฎหมายสองฉบับคือ รัฐธรรมนูญมาตรา 91 และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 โดยสิ่งที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.กำหนดไม่ได้มีปัญหา เนื่องจากสามารถถอดค่าและนำมาคำนวณได้ แต่สูตรที่ตนคำนวณแตกต่างจากผลลัพธ์ที่ กกต.ออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า จะมีพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 25 พรรคที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในขณะที่สูตรของตนจะมีพรรคการเมืองได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 16 พรรค เนื่องจากต้องตัดพรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.เขต 137 คน เกินกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี 111 คน ทำให้ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และตัดพรรคประชาชาติออก เนื่องจากได้จำนวน ส.ส. พึงมีที่ 6.8316 และได้ ส.ส.เขตมาแล้ว 6 คน ทำให้เศษที่เหลือสำหรับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึง 1 คน จึงต้องตัดทิ้ง เท่ากับเหลือพรรคการเมืองที่จะได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 14 พรรคการเมือง ซึ่งจะต้องนำมาปรับอัตราส่วนใหม่ให้รวมแล้วได้ 150 คน ตามที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 กำหนดไว้ โดย ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ทั้ง 14 พรรคจะได้รับ มีรายละเอียดดังนี้ 

พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21 คน 
พรรคอนาคตใหม่ 56 คน 
พรรคประชาธิปัตย์ 22 คน 
พรรคภูมิใจไทย 13 คน 
พรรคเสรีรวมไทย 11 คน 
พรรคชาติไทยพัฒนา 5 คน 
พรรคเศษฐกิจใหม่ 6 คน 
พรรคเพื่อชาติ 5 คน 
พรรครวมพลังประชาชาติไทย 4 คน 
พรรคชาติพัฒนา 2 คน 
พรรคพลังท้องถิ่นไท 2 คน 
พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 1 คน 
พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน 
พรรคพลังชาติไทย 1 คน

ส่วน 58 พรรคเล็กที่ไม่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นไปตามที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 (5) ที่กำหนดว่าการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าว มี ส.ส.เกินจำนวนที่จะพึงมีได้ ซึ่งเป็นข้อความเดียวกับที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 91(4) เนื่องจากทั้ง 58 พรรคได้คะแนนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยประชากร 71,057.4980 จึงต้องตัดทิ้งไปตั้งแต่แรก

นายสมชัย กล่าวด้วยว่าจะนำสูตรคำนวณของตนจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรส่งให้ กกต.อย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้ และอยากให้ กกต.ดูข้อความในกฎหมายเลือกตั้งส.ส.มาตรา 128 (5) ที่กำหนดไม่ทำให้พรรคการเมืองมีส.ส.เกินกว่าจำนวนที่พึงมีให้ดีๆ ว่าแปลว่าอะไร ซึ่งในขณะนี้ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่าจะถึงวันที่ 9 พ.ค.ที่ กกต.จะต้องประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการร้อยละ 95 จึงอยากให้ กกต.จัดเวทีรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ทั้งนักกฎหมาย นักคณิตศาสตร์ หรือจะเชิญตนก็ยินดี และสุดท้ายเมื่อได้รับข้อมูลครบถ้วนค่อยตัดสินใจว่าสูตรที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ขอให้เอาการติดยึดกับประโยคที่บอกว่าถูกแล้วออกไปจากหัวก่อน ไม่อยากให้ กกต.ติดยึดสิ่งที่เคยเผยแพร่ไป ควรเปิดกว้างรับฟังก่อน ไม่มีใครกดดัน กกต. ท่านต้องตัดสินใจเองว่าจะเลือกใช้สูตรใดในการคำนวณส.ส.บัญีรายชื่อและรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเองด้วย เพราะหากคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อผิด ก็ถือว่าบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แต่เป็นการบกพร่องเจตนาหรือไม่เจตนาต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง หากบกพร่องโดยตั้งใจ ทั้ง ๆ ที่สังคมพยายามสะท้อนถึง กกต.แล้วก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย

อย่างไรก็ตามหากมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อผิดพลาด ก็ไม่ส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะสามารถแก้ไขผลลัพธ์ให้ถูกต้องได้ ส่วนข้อเสนอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นเห็นว่าก่อนวันที่ 9 พ.ค.ไม่มีช่องทางที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ กกต.จึงต้องตัดสินใจเอง

"ผมอยากให้ กกต.ยึดหลักไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีหน้าตาที่ต้องเสีย แต่ต้องให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ อย่าติดยึดเรื่องการเสียหน้า เมื่อผิดก็แก้ไข เชื่อว่าสังคมจะเข้าใจ" นายสมชัย กล่าว

'อนาคตใหม่' เตรียมแถลงสูตร กกต. ไม่เป็นธรรม-ละเมิดเสียงประชาชน

มติชนออนไลน์ รายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักวิชาการหลายท่านระบุว่าสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคต้องไม่เกิน ส.ส.พึงมีว่าสามหมื่นเท่ากับแปดหมื่น เราคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เรื่องนี้พรรคอนาคตใหม่อาจจะมีแถลงการณ์อีกครั้งภายใน 1-2 วันนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการละเมิดสิทธิเสียงของประชาชนทำให้ถูกนับอย่างไม่เท่าเทียม

สนช.งัดบันทึกประชุมป้อง กกต. ยันสูตรปาร์ตี้ลิสต์คิดเป็นปีก่อนรู้ผลเลือกตั้ง

ด้าน เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่านายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิกสนช. ในฐานะอดีตโฆษกกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กล่าวถึงสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งผลลัพธ์ยังมีแบบ 16 พรรค และ 20 กว่าพรรค ที่จะได้ส.ส. ว่า ไม่เข้าว่ามีข้อถกเถียงกันเรื่องสูตรคำนวนส.ส.บัญชีรายได้อย่างไร เพราะตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีเพียงสูตรเดียวเท่านั้น ตามที่นายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกกต. อดีตกรธ. ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ชี้แจงว่า

ผลลัพธ์ที่จะมีพรรคเล็ก 10 กว่าพรรค จะได้ 1 ส.ส. แม้ผลของส.ส.พึงมีได้ไม่ถึง 1 ส.ส.นั้น เป็นไปตามสูตรในกฎหมาย ตนยืนยันว่า สูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ได้มีอะไรพลิกแพลง และไม่ได้มีการมาคิดกันภายหลังเมื่อทราบผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 ด้วย

ซึ่งสูตรคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อนี้ ในการประชุมกมธ.วิสามัญเคยมีการถกเถียงกันจนตกผลึกแล้ว สามารถขอดูข้อมูลได้จาก บันทึกการประชุม กมธ.วิสามัญ ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2560 ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2560 และสรุปชัดเจน ในครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2561

“สูตรคิดส.ส.บัญชีรายชื่อมีเพียงสูตรเดียวตามที่กล่าวไปเท่านั้น หากจะตำหนิกกต.มีเพียงเรื่องเดียวที่เห็นด้วยคือ ชี้แจงสูตรและคิดคำนวณล่าช้า แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า กกต.คงอยากรอให้คะแนนดิบทั้งประเทศนิ่งก่อน หากมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ในบางเขตก็ต้องรอคะแนนดิบตรงนั้น เพื่อมารวมก่อนเข้าสูตรหาส.ส.บัญชีรายชื่อต่อไป แต่ทางกกต.เองก็น่าจะชี้แจงสูตรคิดให้ชัดเจนก่อน”นายทวีศักดิ์กล่าว

เมื่อถามถึง ข้อโต้แย้งสูตรคิดที่ทำให้พรรคการเมืองซึ่งได้คะแนนดิบต่ำกว่า 71,000 คะแนนที่จะทำให้มีส.ส.พึงมี 1 คน พรรคที่ได้ 3-4 หมื่นคะแนน ก็ไม่ควรได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ขนาดส.ส.เขตที่ชนะยังต่างกัน บางเขตต้อง 4 หมื่นคะแนนจึงชนะ บางเขต 2 หมื่นคะแนนก็ชนะ

ซึ่งตามสูตรคิดหาส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.นั้น คะแนน 71,000 โดยประมาณ ที่นำมาใช้หาส.ส.พึงมีนั้น จะนำมาเจาะจงตายตัวไม่ได้ อย่าไปเจาะจง 71,000 คะแนน ไว้คิดสำหรับรอบแรกเท่านั้น เมื่อยอดรวมมีส.ส.เกิน 500 คน ก็ต้องคิดเทียบสัดส่วนและปัดเศษตามสูตรที่กฎหมายกำหนดไว้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net