Skip to main content
sharethis

ปิดฉากประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล เมื่อเวลา 03.33 น. เช้ามืดวันที่ 27 ก.ค. ใช้ห้องประชุมชั่วคราว TOT เป็นครั้งสุดท้าย ประธานสภาฯ แจ้งงดการประชุม ส.ส. ในสัปดาห์หน้า เตรียมย้ายอุปกรณ์ไปรัฐสภาใหม่เกียกกาย นักวิชาการชี้ 'ประยุทธ์' ต้องปรับตัวเองควบคุมอารมณ์


ภาพห้องประชุมสภาที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (ที่มา:วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา)

27 ก.ค. 2562 หลังจากการอภิปรายระหว่างนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การอภิปรายก็ดำเนินมาต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายของ ส.ส ฝ่ายรัฐบาล จนกระทั่งเวลา 03.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงปิดท้ายถึงการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะการกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณ รวมถึงที่มางบประมาณจากงบประมาณแผ่นดิน เงินกู้ และการลงทุน ยืนยันว่านโยบายรัฐบาลไม่ได้เอื้อให้นายทุน เพราะเอกชนรับความเสี่ยงเอง ภาครัฐแค่อำนวยความสะดวก ส่วนการนำไปสู่การปฏิบัติก็จะมีการทำแผนการของบประมาณ โดยผู้ดำเนินการคือกระทรวง ทบวง กรม หรือเอกชนที่เข้ามาร่วมทุน

นายกรัฐมนตรียัง กล่าวถึงการอภิปรายและแถลงนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่พูดไปอันไหนอาจไม่เหมาะสมก็ขอโทษ และต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันสักระยะหนึ่ง เชื่อว่าทุกคนรักชาติ รักประชาชน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร หาแต่เรื่องความเกลียดชังความขัดแย้งกันก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่จะไม่ใช้เวลาเหล่านี้มาทะเลาะเบาะแว้งกันอีกต่อไป

ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า หลายคนอาจจะมองว่านโยบายเลื่อนลอย ล่องลอย จับต้องไม่ได้ ซึ่งนโยบายที่ทำมามีการคิดมาแล้ว แต่ที่แถลงไปเป็นกรอบนโยบายอย่างกว้างๆ พร้อมย้ำว่าการขับเคลื่อนประเทศจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นโยบายรัฐบาล แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทการปฏิรูปประเทศ โดยแบ่งเป็นระยะสั้นเร่งด่วน 1 ปี ระยะกลาง 2-3 ปี และระยะยาว 5 ปี มีการกระจายอำนาจ มีการตรวจสอบ ประเมินผล และแก้ไขปรับปรุง ว่าเป็นไปตามนโยบายหรือไม่ ยืนยันว่านโยบายทั้งหมดไม่ได้มาจากตนเองเพียงคนเดียว แต่ผ่านการคิดมาจากหลายคน และจะพยายามทำให้ 100 เปอร์เซ็นต์ให้มากที่สุด

ระหว่างการอภิปราย นายกรัฐมนตรีได้ทักถึงสมาชิกบางคนว่าหน้าแดง พร้อมระบุว่าไม่ชอบพฤติกรรมของสมาชิกที่หัวเราะเยาะไปด้วย และบางคนก็นั่งไม่เรียบร้อย

นายกรัฐมนตรีกล่าวปิดท้าย โดยขอบคุณผู้อภิปราย และจะความเห็นของสมาชิกรัฐสภาพิจารณานำไปแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาปากท้อง การสร้างรายได้เกษตรกร ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาการศึกษา การพัฒนาทักษะเพื่อสร้างรายได้ให้ผู้ใช้แรงงาน การสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน และการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ โดยรัฐบาลจะนำข้อสังเกตต่างๆ ไปพิจารณาเพิ่มเติมในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลต่อไป และจะบูรณาการการทำงานระหว่างส่วนราชการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งขั้นตอนหลังจากการเสร็จสิ้นการแถลงนโยบาย รัฐบาลก็ได้วางแผนการขับเคลื่อนนโยบายไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยสิงหาคมนี้รัฐบาลจะประชุมชี้แจงส่วนราชการ เพื่อสร้างความเข้าใจทิศทางและเป้าหมายที่คาดหวังของนโยบายต่างๆ โดยกำหนดกรอบเวลา เป้าหมาย การชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม สอดคล้องกับความต้องการของประชากร และขอให้ความมั่นใจต่อประชาชนที่รับชมการแถลงนโยบายว่า รัฐบาลใหม่จะมุ่งมั่นทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามที่ได้สัญญากันไว้ ว่าจะทำหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะทำงานร่วมกันด้วยการบูรณาการทั้งแผนคน แผนเงิน และแผนงาน ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม ความสุจริต เที่ยงธรรม โปร่งใส รักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด เพื่อก้าวไปอย่างมั่นคงในศตวรรษที่ 21 โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

'ประยุทธ์' โต้เตรียมรัฐประหาร 3 ปี แจง เป็นเวลาฝึกทหารขณะเป็น ผบ.ทบ.
อภิปรายการศึกษา-งบทหาร ศึกษาธิการชี้ เรียนเขียนโค้ดไม่ต้องใช้คอมฯ ก็ได้
ประมวลข้อถกเถียงว่าด้วยคำแถลงนโยบาย แจงที่มางบฯ ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่?

แจ้งงดการประชุม ส.ส. ในสัปดาห์หน้า เตรียมย้ายอุปกรณ์ไปรัฐสภาใหม่เกียกกาย

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติให้มีการประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน คือวันพุธและวันพฤหัสบดีนั้น เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์สิ่งของ และระบบอิเล็กทรอนิกส์จากหอประชุมใหญ่ บริษัท  ทีโอที จำกัด (มหาชน) ไปที่ห้องประชุมใหญ่วุฒิสภา (เกียกกาย)หรือห้องประชุมจันทรา ชั้น 2 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ  ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในคราวต่อไป ในการนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นสมควรให้มีคำสั่งงดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2562 และวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2562 ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดหนังสือเชิญประชุม ระเบียบวาระการประชุม รวมถึงบันทึกการประชุมสภาฯ ได้จากเว็บไซต์ www.parliament.go.th

นักวิชาการชี้ 'ประยุทธ์' ต้องปรับตัวเองควบคุมอารมณ์

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงภาพรวมการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลว่า การอภิปรายยังมีการพูดพาดพิงเรื่องความชอบธรรมของ คสช. ที่มาของ ส.ว. ที่มาของรัฐบาล และองค์กรอิสระ โดยเฉพาะคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี มากกว่าตัวนโยบาย และเชื่อว่าหลังจากนี้กิจกรรมทางการเมือง เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายงบประมาณ จะมีเรื่องความชอบธรรมทางการเมืองเป็นระยะ

ส่วนการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. ยังมีจุดยืนทางการเมืองของตนเองที่ชัดเจน  โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน พยายามชี้ให้เห็นความไม่ชอบธรรมทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมถึงความล้มเหลวในการทำงาน 5 ปี ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล และมี ส.ว.ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็น ส.ส.พิเศษให้กับรัฐบาลหรือไม่ สำหรับนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่า ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะวิวาทะกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งตามหลักการทั่วไปของการประชุมสภา การทำงานในสภา การจะลุกพูดก็ต้องได้รับการอนุญาตจากประธานสภาให้วินิจฉัยก่อน  ซึ่งมองว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ทางกฎหมาย การยั่วยุทางอารมณ์ หลากหลายรูปแบบที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ ต่างจากสมัยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 

นายยุทธพร ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาว่า ลีลาการทำหน้าที่ ความเก๋าเกมทางการเมืองถือว่าเอาอยู่ การวินิจฉัยหลายเรื่องสร้างการยอมรับของสมาชิก เช่น การวินิจฉัยเรื่องจะอภิปรายคุณสมบัติ ต้องอภิปรายเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี แต่สิ่งที่น่ากังวล คือการทำหน้าที่ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา(ส.ว.)ในฐานะรองประธานรัฐสภา ที่ไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง จึงอาจยังไม่เท่าทันบรรดานักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว

สำหรับการการอภิปรายครั้งนี้ คงไม่มีใครได้ใครเสียทั้งสองฝ่าย และเห็นว่าสภาได้ยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมีการพูดหลักการต่างๆในสภา ดีกว่าการสาดโคลนใส่กันไปมาในรูปแบบการเมืองเก่า  และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเห็นการประท้วง การใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง หรือใช้ความได้เปรียบเสียเปรียบในสภา ซึ่งประชาชนอยากเห็นการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาอย่างสร้างสรรค์ ยึดประโยชน์ของสังคมเป็นตัวตั้ง จึงขอฝากถึง ส.ส.และส.ว. ที่มีการพูดสนับสนุนระบบรัฐประหารในที่ประชุมรัฐสภา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะผู้ที่จะเป็น ส.ส. และส.ว. ต้องเชื่อมั่น เชื่อถือในระบอบประชาธิปไตย


ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] [3]

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net