ที่ผ่านมามักจะมีคำถามว่าพฤติกรรมไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนผลการเลือกตั้ง การรวมหัวกันเลือกประยุทธ์เป็นนายกฯ การปล้นชัยชนะจัดตั้งรัฐบาล การเล่นงานธนาธร หรือกระแสยุบพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นชนวนให้คนเห็นต่าง “ลงถนน” หรือไม่ คำตอบมักคล้ายกันคือไม่ เหตุผลก็เพราะไม่มีองค์กรจัดรูปพลังเหล่านี้ ขณะที่อดีตแกนนำที่เหลืออยู่ก็เลือกต่อสู้ในสภาเป็นหลัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือโอกาสที่จะถูกฆ่าตายแล้วเอาผิดใครไม่ได้อย่างที่ผ่านมามีสูง ความคับแค้นจึงกระจัดกระจายอยู่แต่ในโลกออนไลน์ ไม่มีทางเกาะเกี่ยวกันได้แล้วกลายเป็นการ “ลงถนน” อีกครั้ง

แต่เหตุการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พาโจทย์ “ลงถนน” ไปอีกทิศ เพราะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปที่อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจะสำคัญตัวขนาดปรามพรรคฝ่ายค้านเรื่องการถวายสัตย์ของนายกฯ และตามมาด้วยนายกฯ เดินทางไปเยือนอดีตแกนนำ กปปส. ถึงถิ่นด้วยความชื่นมื่นหลังจากห่างหายกันมากว่าห้าปีและในช่วงเวลาที่คนในภาคอื่นกำลังประสบปัญหาน้ำท่วมกันอย่างสาหัส อะไรที่ทำให้การกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ อะไรที่ทำให้ "ผู้ช่ำชอง"ในการพามวลชนฝ่ายอนุรักษ์ “ลงถนน” เช่นคนทั้งสองกลับมามีพื้นที่ในสังคมการเมืองอีกครั้งผ่านรัฐบาลชุดปัจจุบัน

มองในแง่หนึ่งนี่คือการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลและคนข้างหลังกำลังจะใช้สองคนนี้อีกครั้งในการทำอะไรบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดการต่อต้านและลามไปสู่การ “ลงถนน” ได้ เป็นการขู่อีกฝ่ายอยู่กลายๆ ว่าอย่าได้คิดจะออกจากโลกออนไลน์ไม่ว่าจะคับแค้นขนาดไหนหากไม่ต้องการปะทะกับสองคนนี้ เพราะแม้ตอนนี้องค์กรและมวลชนของคนทั้งสองจะกระจัดกระจาย แต่พวกเขาก็สามารถรื้อฟื้นบางส่วนขึ้นมาได้โดยการสนับสนุนของรัฐบาลและคนข้างหลังเหมือนเช่นที่ผ่านมา ไม่นับรวมอำนาจล้นฟ้าทั้งทางกำลังและกฎหมายที่รัฐบาลมีอยู่ตอนนี้

ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลและคนข้างหลังกำลังคิดจะทำอะไร จะก่อให้เกิดความคับแค้นขุ่นเคืองจากอีกฝ่ายสักแค่ไหน และผมก็ไม่แน่ใจว่าการปลุกสองคนนี้ขึ้นมาขู่จะได้ผลหรือไม่ และหากอีกฝ่ายทนไม่ได้ ตัดสินใจ “ลงถนน” จะต้องเผชิญหน้ากับมวลชนที่สองคนนี้ปลุกขึ้นมาหรือไม่อย่างไร เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาและก็ได้แต่หวังว่าจมูกผมคงเพี้ยนไป

เผยแพร่ครั้งแรกใน: Facebook Anusorn Unno