Skip to main content
sharethis

เครือข่ายแรงงานยื่นหนังสือถึง 'ประยุทธ์' ให้รัฐบาลประกาศให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศ แก้ กม.แรงงานให้สอดคล้อง เร่งแก้ปัญหาละเมิดสิทธิแรงงาน หลังสหรัฐฯประกาศระงับใช้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีเริ่ม 25 เม.ย. นี้ เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าเรื่องแก้ปัญหาสิทธิแรงงานตามหลักสากล ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเสียภาษีเพิ่มสูงถึง 1,800 ล้านบาท

4 มี.ค. 2563 วานนี้ (3 มี.ค.) คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ยื่นหนังสือต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องสหรัฐอเมริกาได้ลงนามหนังสือถึงรัฐบาลไทย ระงับใช้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP: Generalized System of Preferences) กับสินค้าไทย จำนวน 573 รายการ เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาสิทธิแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลโดยจะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่ 25 เมษายน 2563 ที่จะถึงนี้

โดยคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ระบุในหนังสือว่า กรมการค้าต่างประเทศ ประเทศไทย ได้ประเมินผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าต่อการระงับการให้สิทธิพิเศษ GSP ดังกล่าว ทำให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,800 ล้านบาท การเสียภาษีที่สูงขึ้น มีผลกระทบทำให้ต้นทุนการส่งออกของสินค้าไทยมีค่าสูงขึ้น ย่อมกระทบต่อศักยภาพในการแข่งขันการขายสินค้าไทยในตลาดสหรัฐอเมริกา รวมทั้งกระทบต่อผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของสินค้าไทยจำนวน 573 รายการดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในหนังสือยังระบุว่า ประเทศไทยมีปัญหาแรงงานที่สะสมมานาน ซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาล ปัญหาเหล่านี้มีสาเหตุจากการจ้างงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล สิทธิแรงงานถูกจำกัดภายใต้พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเสรีภาพในการสมาคมและสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วม สิทธิในการนัดหยุดงาน อันเป็นเครื่องมือสำหรับคนงานในการเจรจาต่อรองร่วม ตัวอย่างเช่น

1) ผู้นำ 7 คนของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยที่ยังคงต้องถูกหักเงินเดือนเพื่อจ่ายค่าปรับจำนวน 24 ล้านบาทและผู้นำจำนวน ๑๓คนถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
อันเป็นผลมาจากการรณรงค์ด้านแรงงานเรียกร้องมาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการรถไฟ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2552

2) ผู้นำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4 คนถูกตัดสินว่ามีความผิดในศาลฎีกาคดีแรงงาน และให้จ่ายค่าเสียหายจำนวนเงิน 3,479,793 บาท อันเกิดจากการชุมนุมที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2560

3) สหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อิเลคทริค (ประเทศไทย) ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จนเกือบจะหมดหายไปจากสถานประกอบการ หลังจากที่คนงานต้องยอมจำนนต่อกลยุทธ์ทำลายสหภาพแรงงานที่รุนแรง (รวมทั้งการบังคับให้กรรมการสหภาพแรงงานที่เหลืออยู่เข้าร่วมฝึกแบบทหารและให้คนงานลงนามเอกสารข้อตกลงแต่ละคนไม่ให้มีส่วนร่วมกับสหภาพแรงงานอีกต่อไป แนวปฏิบัตินี้กำลังจะกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับใช้ในการกำจัดสหภาพแรงงานในสถานประกอบการที่อื่นๆ ต่อไป 

ในปัจจุบันนี้ สถานการณ์การละเมิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ยังมีให้พบเห็นมากมายและเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในสถานการณ์เลิกจ้างในปัจจุบันที่มีการเอาเปรียบคนงาน ไม่จ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างให้เป็นไปตามกฎหมายกรณีตัวอย่างการละเมิดสิทธิแรงงาน (เพิ่มเติม) มีดังนี้

(1) กรณีลูกจ้าง ทีอาร์ดับเบิลยู สเตียริงแอนด์ซัสเพนซัน
(2) กรณีลูกจ้าง เทคโนพลาส
(3) กรณีลูกจ้าง นากาชิมา รับเบอร์ 
(4) กรณีลูกจ้าง ยัมเรสเทอรอง อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) 
(5) กรณีลูกจ้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย
(6) กรณีลูกจ้าง การบินไทย
(7) กรณีลูกจ้าง ริโก้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) 
(8) กรณีลูกจ้าง อิตะ เซอิมิตสึ
(9) กรณีลูกจ้าง อิเล็กโทรลักซ์
(10) กรณีลูกจ้างมิตซูบิชิอิเลคทริคคอนซูมเมอร์
(11) กรณีลูกจ้าง มอลเท็นเอเชียโพลิเมอร์โปรดักส์
(12) กรณีลูกจ้าง พงษ์พารา

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลประกาศให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 87 และ 98 และเร่งแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 ให้มีบทบัญญัติของกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้งสองฉบับโดยเร็ว

2. เร่งแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงานที่เกิดกับกรรมการของสหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย กรรมการของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกรรมการของสหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อิเลคทริค (ประเทศไทย)

3. เร่งแก้ไขสถานการณ์การละเมิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่เกิดขึ้นกับแรงงานส่วนใหญ่ที่ถูกเลิกจ้างและไม่จ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด

"ขอเรียกร้องให้ท่านและคณะรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาด้านแรงงานดังกล่าว ตามข้อเสนอ ทั้ง 3 ข้อข้างต้น โดยยึดหลักการมาตรฐานแรงงานระดับสากล เพื่อให้แรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยมีสภาพการจ้างงานที่ดี อันจะส่งผลให้รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาทบทวนการระงับการให้สิทธิพิเศษ GPS คืนให้กับประเทศไทย พร้อมทั้งเสนอให้กระทรวงแรงงาน ทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานอย่างเข้มข้นเพื่อส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณค่า (Decent Work) อันเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงานให้มีความยั่งยืนและพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงไปด้วยดี เฉกเช่นหลายกรณีก่อนหน้า" หนังสือระบุ
 

 

๓มีนาคม ๒๕๖๓
เรื่อง    การประกาศระงับใช้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) กับสินค้าไทย
กราบเรียน   นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
อ้างถึง    หนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ลงนามโดยองค์กรด้านแรงงานในระดับสากล ๓ องค์กร คือ ITUC (International Trade Union Confederation), ETUC (European Trade Union Confederation)
,IndustriALL Global Union และITF (International Transportation Federation) ลงวันที่๒๗พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปรับปรุงสถานการณ์สิทธิแรงงานให้ดีขึ้นในประเทศไทย เพื่อจะนำไปสู่ในการแก้ไขการระงับการให้สิทธิพิเศษGSPต่อไป

ตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR: US. Trade Representative) ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ว่า สหรัฐอเมริกาได้ลงนามหนังสือถึงรัฐบาลไทย ระงับใช้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP: Generalized System of Preferences) กับสินค้าไทย จำนวน ๕๗๓ รายการ เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาสิทธิแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลโดยจะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ ที่จะถึงนี้ ในชั้นต้น กรมการค้าต่างประเทศ ประเทศไทย ได้ประเมินผลกระทบต่อการส่งออกของสินค้าต่อ
การระงับการให้สิทธิพิเศษ GSP ดังกล่าว ทำให้สินค้าไทยต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง ๑,๘๐๐ ล้านบาท 
การเสียภาษีที่สูงขึ้น มีผลกระทบทำให้ต้นทุนการส่งออกของสินค้าไทยมีค่าสูงขึ้น ย่อมกระทบต่อศักยภาพในการแข่งขันการขายสินค้าไทยในตลาดสหรัฐอเมริกา รวมทั้งกระทบต่อผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของสินค้าไทยจำนวน ๕๗๓ รายการดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับประเด็นที่เป็นเหตุผลในการระงับใช้สิทธิพิเศษ GSP คือข้ออ้างที่ไม่มีความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาสิทธิแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลนั้น คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านแรงงาน ที่เกิดจากการรวมตัวของสหภาพแรงงานในภาคเอกชนและภาครัฐวิสาหกิจ ตามลำดับขอกราบเรียนให้ท่านทราบว่าประเทศไทยมีปัญหาแรงงานที่สะสมมานาน ซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากรัฐบาล ปัญหาเหล่านี้มีสาเหตุจากการจ้างงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล สิทธิแรงงานถูกจำกัดภายใต้พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเสรีภาพในการสมาคมและสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วม สิทธิในการนัดหยุดงานอันเป็นเครื่องมือสำหรับคนงานในการเจรจาต่อรองร่วม ตัวอย่างเช่น

๑) ผู้นำ๗คนของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยที่ยังคงต้องถูกหักเงินเดือนเพื่อจ่ายค่าปรับจำนวน ๒๔ล้านบาทและผู้นำจำนวน ๑๓คนถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
อันเป็นผลมาจากการรณรงค์ด้านแรงงานเรียกร้องมาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการรถไฟ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒
๒) ผู้นำสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๔คนถูกตัดสินว่ามีความผิดในศาลฎีกาคดีแรงงาน และให้จ่ายค่าเสียหายจำนวนเงิน ๓,๔๗๙,๗๙๓บาท อันเกิดจากการชุมนุมที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖
๓) สหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อิเลคทริค (ประเทศไทย) ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จนเกือบจะหมดหายไปจากสถานประกอบการ หลังจากที่คนงานต้องยอมจำนนต่อกลยุทธ์ทำลายสหภาพแรงงานที่รุนแรง (รวมทั้งการบังคับ
ให้กรรมการสหภาพแรงงานที่เหลืออยู่เข้าร่วมฝึกแบบทหารและให้คนงานลงนามเอกสารข้อตกลงแต่ละคนไม่ให้มีส่วนร่วมกับสหภาพแรงงานอีกต่อไป แนวปฏิบัตินี้กำลังจะกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับใช้ในการกำจัดสหภาพแรงงาน
ในสถานประกอบการที่อื่นๆ ต่อไป 

ในปัจจุบันนี้ สถานการณ์การละเมิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ยังมีให้พบเห็นมากมายและเกิดขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในสถานการณ์เลิกจ้างในปัจจุบันที่มีการเอาเปรียบคนงาน ไม่จ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างให้เป็นไปตามกฎหมายกรณีตัวอย่างการละเมิดสิทธิแรงงาน (เพิ่มเติม) มีดังนี้
(๑)    กรณีลูกจ้าง ทีอาร์ดับเบิลยู สเตียริงแอนด์ซัสเพนซัน
(๒)    กรณีลูกจ้าง เทคโนพลาส
(๓)    กรณีลูกจ้าง นากาชิมา รับเบอร์ 
(๔)    กรณีลูกจ้าง ยัมเรสเทอรอง อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) 
(๕)    กรณีลูกจ้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย
(๖)    กรณีลูกจ้าง การบินไทย
(๗)    กรณีลูกจ้าง ริโก้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) 
(๘)    กรณีลูกจ้าง อิตะ เซอิมิตสึ
(๙)    กรณีลูกจ้าง อิเล็กโทรลักซ์
(๑๐)    กรณีลูกจ้างมิตซูบิชิอิเลคทริคคอนซูมเมอร์
(๑๑)     กรณีลูกจ้าง มอลเท็นเอเชียโพลิเมอร์โปรดักส์
(๑๒)     กรณีลูกจ้าง พงษ์พารา

การละเมิดสิทธิของแรงงานนำไปสู่การยื่นหนังสือร้องเรียนจำนวน ๑๔ฉบับต่อคณะกรรมการว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม (ILO CFA) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ซึ่งได้เคยให้ความเห็นในรายงานฉบับที่ ๓๘๙ (๒๒มิถุนายน ๒๕๖๒) ว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓และการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ ๘๗และ ๙๘นั้นล่าช้ามาเป็นระยะเวลานานแม้จะมีการตรวจสอบครั้งแรกของคณะกรรมการILO CFA และให้คำแนะนำในเรื่องนี้ตั้งแต่

ปี พ.ศ.๒๕๓๔ ร่างแก้ไขของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ที่ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ก็ยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ในเรื่องเสรีภาพในการสมาคมสิทธิ
ในการจัดตั้งองค์กรของแรงงานและการเจรจาต่อรองร่วม และสิทธิในการนัดหยุดงาน ในร่างแก้ไขของพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓แม้ว่ารัฐบาลจะรายงานผลการแก้ไข ตามรายงานฉบับที่ ๓๘๙ ว่า พนักงานรัฐวิสาหกิจ มีสิทธิที่จะนัดหยุดงานได้ แต่ร่างแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓ นั้น 
ยังคงกำหนดเงื่อนไขข้อจำกัดต่อความสามารถของแรงงาน และสหภาพแรงงาน รวมทั้งผู้นำของพวกเขาที่จะรวมตัวนัดหยุดงาน และยังกำหนดให้รัฐบาลมีอำนาจอย่างมากที่จะสั่งยุติการนัดหยุดงานเพื่อประโยชน์ของ "เศรษฐกิจ" หรือ "ความสงบเรียบร้อย"

ดังนั้น คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)
จึงขอเรียกร้องให้ท่านและคณะรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาแรงงานที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนี้
๑.    ขอให้รัฐบาลประกาศให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ ๘๗และ ๙๘และ
เร่งแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๓ 
ให้มีบทบัญญัติของกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้งสองฉบับโดยเร็ว
๒.    เร่งแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงานที่เกิดกับกรรมการของสหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไทย กรรมการของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และกรรมการของสหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อิเลคทริค (ประเทศไทย)
๓.    เร่งแก้ไขสถานการณ์การละเมิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่เกิดขึ้นกับแรงงานส่วนใหญ่ที่ถูกเลิกจ้างและไม่จ่ายเงินชดเชยการเลิกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)พร้อมด้วยการสนับสนุนขององค์กรด้านแรงงานในระดับสากล ตามที่อ้างถึง ขอเรียกร้องให้ท่านและคณะรัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาด้านแรงงานดังกล่าว ตามข้อเสนอ ทั้ง ๓ ข้อข้างต้น โดยยึดหลักการมาตรฐานแรงงานระดับสากล เพื่อให้แรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยมีสภาพการจ้างงานที่ดี อันจะส่งผลให้รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาทบทวนการระงับการให้สิทธิพิเศษ GPS คืนให้กับประเทศไทย พร้อมทั้งเสนอให้กระทรวงแรงงาน ทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานอย่างเข้มข้นเพื่อส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณค่า (Decent Work) อันเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงานให้มีความยั่งยืนและพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงไปด้วยดี 
เฉกเช่นหลายกรณีก่อนหน้า


ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

นายสมพร ขวัญเนตร 
ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)

นายสาวิทย์ แก้วหวาน
เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
   
   

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net