Skip to main content
sharethis

สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 8 เม.ย. 2563 ไทยพบติดเพิ่ม 111 ราย เป็นกลุ่ม 'ดะวะห์' 42 ราย เสียชีวิต 3 คน เป็นต่างชาติทั้งหมด มีการฝ่าฝืนเคอร์ฟิว 1,156 ราย ดำเนินคดี 949 ราย รัฐย้ำไม่ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. ห่วงคนแก่-พิการ-หาเช้ากินค่ำ ขณะที่ 'ชวน' ยันไม่คิดหักเงือนเดือนส.ส.สู้โควิด-19

ภาพจาก เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

ไทยพบติดโควิด-19 เพิ่ม 111 ราย เป็นกลุ่ม 'ดะวะห์' 42 ราย เสียชีวิต 3 คน

8 เม.ย.2563 วันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่า ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลก พบผู้ป่วย 1,431,706 คน เสียชีวิต 82,080 คน รักษาหาย 302,150 คน

ส่วนประเทศไทยวันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 111 คน โดยจำนวน 42 คน คือกลุ่มที่ไปประกอบพิธีทางศาสนา 'ดะวะห์' ที่อินโดนีเซีย รวมจำนวนผู้ป่วยสะสม 2,369 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 คน หายกลับบ้านแล้ว 888 คน 

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิตคนที่ 28 เป็นชายชาวรัสเซีย เดินทางไป จ.ภูเก็ต ขณะเดินทางกลับพัทยา มีอาการป่วยจึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ก่อนกลับมาพักที่บ้าน และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

คนที่ 29 เป็นชายชาวอินเดีย อายุ 69 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว มีประวัติป่วยเป็นโรคเบาหวาน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ต่อมาต้องอยู่ในห้องไอซียู และเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) และคนที่ 30 เป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคไตเรื้อรัง ป่วยเมื่อวันที่ 9 มี.ค. และเข้ารักษาโรงพยาบาลในจังหวัดบุรีรัมย์ เสียชีวิตเมื่อวานนี้

โฆษกศบค.กล่าวอีกว่า น่าสังเกตว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนเป็นต่างชาติทั้งหมด ทำให้ต้องเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับมาไทย ซึ่งเมื่อวานนี้ มีผู้เดินทางจากทั้งประเทศกาตาร์ 14 คน และประเทศเกาหลีใต้พบว่า ไม่ผ่านการคัดกรอง 8 คน เข้ารักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ส่วนที่เหลือ 49 คน เข้ากักตัวในสถานที่ของรัฐ

ขณะที่สตูลมีกลุ่มดะวะห์กลับจากอินโดนีเซียมากที่สุด โดยผู้ว่าฯจังหวัดสตูลเผย สูตลมีกลุ่มดะวะห์ที่กลับจากอินโดนีเซีย 26 คน ไม่ป่วย 6 คน ที่เข้าข่ายส่งตรวจ 20 คน พบป่วยโควิด-19 ถึง 15 คน ให้รักษาที่ รพ.สนาม 14 ราย โดยมีอาการหนัก 1 รายอายุ 74 ปี อยู่ รพ.สตูล

 

ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว 1,156 ราย ดำเนินคดี 949 ราย

วันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า การเดินทางในห้วงการห้ามออกนอกเคหสถาน ข้อมูล ณ 22.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ถึง วันที่ 8 เม.ย. ประกอบด้วย ความผิดออกนอกเคหสถาน 1,156 คน รวมกลุ่มชุมนุม หรือ มั่วสุม 72 คน รวม 1,232 คน ดำเนินการตักเตือน 135 คน ดำเนินคดี 949 คน รวม 1,084 คน

 

ไม่ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. ห่วงคนแก่-พิการ-หาเช้ากินค่ำ

8 เม.ย.2563 ไทยพีบีเอสรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมอ้างถึงข้อสั่งการ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะไม่ประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน ตลอด 24 ชั่งโมง เนื่องจากเป็นห่วงบุคคล 4 ประเภทคือ 1.คนแก่อยู่ตามลำพัง 2.คนป่วยติดเตียง 3.คนพิการ 4.คนหาเช้ากินค่ำ

พล.อ.ณัฐพลระบุถึงข้อสั่งการของ ผบ.ทบ.ว่า ให้ แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในทัพภาค สามารถใช้ สัสดีจังหวัด สัสดีอำเภอ ในการขับเคลื่อนการปฏิบัติได้

สำหรับการตรวจสอบการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยของรัฐบาล วันนี้จะมีแจกจ่ายหน้ากากของกระทรวงสาธารณสุข 4 ล้านชิ้น กระทรวงมหาดไทย 1 ล้านชิ้น และในวันที่ 9 เม.ย.จะมีหน้ากาก N95 มาจากสิงคโปร์ 2 แสนชิ้น ให้บุคคลากรทางการแพทย์ ตามโรงพยาบาลต่างๆ มีการลงวันที่ในการส่งให้ รพ. ขอให้ รอง ผอ.กอ.รมน.หรือ สัสดีในพื้นที่ บันทึกภาพถ่ายในการส่งมอบของ โรงพยาบาลที่ได้รับเพื่อจะยืนยันว่ามีการใช้จริง

ส่วนจากการตรวจกำลังพลที่ผ่านเข้า-ออก หลังเวลา 21.00 น.ไม่มีการรายงานว่า ตรวจพบ ขอให้หน่วยที่รับผิดชอบพิจารณาผู้รับผิดชอบให้เหมาะสมด้วยและ ขอให้ ผบ.หน่วยทุกหน่วย ได้นำข้อสั่งการของ ผบ.ทบ.ไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

 

'ชวน' ยันไม่คิดหักเงือนเดือนส.ส.สู้ โควิด-19

8 เม.ย. 2563 ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการหักเงินเดือนส.ส. เพื่อนำไปช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 นั้น ส่วนตัวคิดว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ได้มี ส.ส.ได้เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการกระทำที่ดี อย่างตนเองได้เรี่ยไรเงินจากคณะทำงานของตนเองจนได้เงินมาประมาณ 4 แสนบาท เพื่อไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ส.ส.แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ดูแลชาวบ้านและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยยืนยันว่าสภาฯไม่มีความคิดหักเงินเดือน ส.ส. เพราะส.ส.ดูแลประชาชนอยู่แล้ว อยากจะบอกว่าเงินเดือนส.ส.เมื่อหักภาษีและหักเงินเข้าพรรคแล้วเหลือเงินไม่ถึงแสนบาท แต่ฐานะของส.ส.แต่ละคนแตกต่างกัน

"ขอเพียงแค่ขอความร่วมมือในการทำหน้าที่สุจริต ไม่กักตุนสินค้าไม่ค้ากำไรเกินควรและไม่เอาเปรียบประชาชน ไม่ใช่ไปทำทุจริตแล้วก็เอาเงินน้อยนิดมาบริจาคแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่ควรอย่างยิ่ง" ชวนกล่าว

ชวน กล่าวว่า ขณะที่ ส.ว.จะดำเนินการขอความร่วมมือเพื่อหักเงินเดือนนั้นก็เป็นการดำเนินการของวุฒิสภากันเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ทราบว่าได้มีการดำเนินการมาเป็นระยะแล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการหักเงือนเดือนของส.ส.อย่างแน่นอน เพราะเข้าใจดีว่าส.ส.ใช้เงินในการดูแลประชาชนในสถานการณ์เวลานี้อยู่แล้ว

วันนี้ชวนได้เข้าไปตรวจห้องประชุมพระสุริยัน ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่สำหรับการประชุมสภาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาในสมัยหน้า นอกจากนี้ได้มอบหมายให้เลขาธิการสภาฯไปหารือกับผู้รับเหมาที่ต้องลดเวลาการทำงานเพราะได้รับผลกระทบจากการประกาศเคอฟิวด้วยว่าจะมีแนวทางอย่างไรเพื่อให้กระทบต่อการสร้างรัฐสภาให้น้อยที่สุด

"ทั้งหมดเป็นการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดความประมาท และเราต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ส่วนเรื่องการจัดห้องประชุมนั้นจะกำหนดให้ส.ส.แต่ละคนนั่งห่างกันประมาณ 2-3 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะมีความเพียงพอต่อการควบคุมกับสถานการณ์ได้" ชวนระบุ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net