Skip to main content
sharethis

ในการชุมนุม19 กันยาทวงคืนอำนาจราษฎรในวันที่ 19-20 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ใครที่เข้าร่วมชุมนุมหรือติดตามข่าว อาจจะเห็นว่ามีกลุ่มคนที่หลากหลายทั้งคนเสื้อแดง กลุ่มคอสเพลย์(การแต่งเป็นตัวละครในภาพยนตร์หรือการ์ตูน) ที่เดินไปเดินมาในที่ชุมนุม การแสดงต่างๆ ประชาไทชวนมาทำความรู้จักกับชาวม็อบเหล่านี้

ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังติดตามสถานการณ์หลังสนามหลวงเพิ่งถูกยึดเป็นสนามราษฎร์ ก็เห็นกลุ่มที่สวมเสื้อลายเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ นักร้องนำวงควีนกำลังชู 3 นิ้ว พวกเธอบอกว่าเป็นชาวทวิตเตอร์ที่เป็นติ่งของวงร็อคในตำนานนี้ แม้ว่าพวกเธอจะอายุ 20-30 กว่า แต่ก็รู้จักวงนี้ผ่านภาพยนตร์และฟังกันมาตั้งรุ่นพ่อแม่ของพวกเธอ

คุณยุ 1 ในสมาชิกกลุ่มบอกว่าที่พวกเธอมาชุมนุมกันเพราะเห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจากในทวิตเตอร์ แล้วก็คิดว่าเป็นเสียงเล็กๆ แล้วก็ชอบมีคนท้าทายว่าชาวทวิตเตอร์เก่งแต่ปากดีแต่ในออนไลน์ เราก็มีตัวตน เราไม่ใช่แค่นักเลงคีย์บอดร์ดหรือว่าไอโอใต้ดินก็เลยมาแสดงพลัง แล้วพวกเธอก็สนับสนุนประเด็น LGBTQ ด้วย

พิสิฏฐ์ เอี้ยวรัตนวดี สมาชิกพรรคเกรียน ที่คอสเพลย์เป็นลูฟี่จากเรื่องวันพีชไปเล่นว่าวอยู่หน้าแนวตำรวจ บอกว่าเขาติดตามการ์ตูนเรื่องนี้มาตั้งแต่อายุ 10 กว่าจน30แล้วก็ยังไม่จบ และเขาบอกว่าที่แต่งเป็นลูฟี่เพราะเป็นตัวลูฟี่ตามหาความยุติธรรมให้กับสังคมต่างๆ เขาคิดว่าจิตสำนึกของตัวละครตัวนี้เป็นสิ่งสำคัญ บ่งบอกถึงผู้มีอำนาจว่าประชาชนตาดำๆ พร้อมที่จะกำหนดอนาคตตนเองได้แล้ว และเขายังเปรียบเทียบว่าประเทศไทยเองก็เหมือนกับโลกในการ์ตูน คือยังคงมี ‘เผ่ามังกรฟ้า’ ที่คอยเอารัดเอาเปรียบผู้คนธรรมดา การแต่งเป็นลูฟี่ในวันนี้ก็เพราะลูฟี่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ออกมาทวงคืนความยุติธรรม

“ที่เล่นว่าววันนี้มันเป็นสัญลักษณ์ของการทวงคืนสนามหลวง เพราะที่นี่เป็นของพวกเราทุกคน ไม่ควรเอามาทำกิจกรรมของใครคนใดคนหนึ่ง การที่เราเห็นว่าวขึ้นที่นี่มันคือการประกาศว่าสนามหลวงคือของประชาชน” พิสิฏฐ์กล่าว

ยังบอกอีกว่าที่มาในวันนี้เพราะว่าเกิดความอยุติธรรมกับประชาชนในทุกด้านและคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้อำนาจของประชาชนในการมีส่วนรวมทางการเมืองทางตรงเพื่อแสดงให้รัฐเห็นว่าเรามีตัวตนจริงแล้วก็ไม่ได้อยู่แต่ในออนไลน์แล้วเราก็พร้อมที่จะทำให้รัฐเห็นว่าต้องทำตามประชาชนไม่ใช่ประชาชนต้องทำตามรัฐ

กลุ่มตัวละครจากซีรี่ย์เนตฟลิกซ์เรื่อง Money Heist ที่เวียนไปตามจุดต่างๆ ในม็อบพร้อมกับเปิดเพลง Bella Ciao (Goodbye Beautiful)ไปด้วย สมาชิกคนหนึ่ง 1 ในกลุ่มตอบสั้นๆ ว่าที่เลือกคอสเพลย์จากภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ และเป็นแรงบันดาลใจว่าเมื่อมีความสิ้นหวังพวกเราก็จะออกมาแล้วเราจะผ่านอุปสรรคนั้นไปได้

หนุ่มอายุ 17 ย่าง 18 ที่ขอให้เรียกด้วยชื่อซากาตะ กินโทกิจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องกินทามะบอกว่าเป็นนักเรียน ม.6 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งบนถนนพญาไท และที่เลือกคอสเพลย์เป็นตัวละครเอกจากเรื่องกินทามะนี้เพราะว่าเป็นความชอบส่วนตัวแล้วเนื้อหาในเรื่องก็เป็นการล้อประวัติศาสตร์ช่วงของการต่อสู้และปฏิวัติจากระบบขุนพลศักดินาไปสู่ในช่วงของการปฏิรูปเมจิที่ทำให้ญี่ปุ่นพัฒนา

เริ่มสนใจการเมืองในช่วงหลังการรัฐประหาร 2557 แต่ก่อนหน้านั้นก็เคยไปร่วมกับ กปปส.ด้วยเหมือนกัน แต่พอโตขึ้นก็มองสังคมกว้างขึ้นกว่าเดิม เขาเริ่มจากมองเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ที่ตนเองอาศัยอยู่ทั้งการเก็บค่ารถโดยสารที่ไม่มีราคามาตรฐานทั้ง และเขาก็ถูกสอนว่านักการเมืองเลวแต่พอโตขึ้นก็เห็นว่าข้าราชการก็คอรัปชั่นเหมือนกัน เลยได้เห็นหลายๆ สิ่งที่หยั่งรากลึกลงไปในสังคมไม่ใช่แค่นักการเมืองแต่ได้กลายเป็นระบบไปแล้ว แล้วตอนมาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็เริ่มเรียนรู้ว่ามีความเหลื่อมล้ำไปมากกว่าที่เจอตอนยังไม่เข้ามากรุงเทพฯ

เขาบอกว่าสำหรับเขายังโชคดีที่ครอบครัวค่อนข้างเปิดกว้างทางความคิด แต่เขาคิดว่าคนไทยยังขาดการเปิดกว้างทางความคิด บางทีเด็กๆ อยากแสดงออก็ถูกครอบครัวห้ามเพราะมองว่าเป็นการปลุกปั่นล้มล้าง แต่จริงๆ แล้วพวกเขาก็แค่ต้องการปฏิรูปให้ดีขึ้นเท่าขึ้นเท่านั้น

ช่วงสายของการชุมนุมวันที่สองหลังจากการชุมนุมยุติ กลุ่มป้าเสื้อแดง(พวกเธอขอให้เรียกแบบนี้) จับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ผู้สื่อข่าวเลยขอเข้าไปคุยด้วย พวกเธอบอกว่าที่มาเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ต่างก็เล่าที่มาที่คล้ายคลึงกันว่าเริ่มเข้าร่วมชุมนุมกันตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้วก็รู้จักกัน แต่พอมีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ก็หมดความหวังไปจนกลับมาชุมนุมอีกทีตอนคนอยากเลือกตั้งแล้วก็ร่วมชุมนุมมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้

พวกเธอบอกว่าที่มากันครั้งนี้ก็เพื่อมาปกป้องเด็กๆ กัน เพราะตอนแรกคิดว่าเด็กๆ เขาจะลุยกันเลยแต่เขาก็ไม่ได้ทำกัน

“ป้ากลัวว่าเขาจะเล่นเด็กย้อนหลังหรือเปล่า มี 112 หรือเปล่า เพราะรัฐบาลชุดนี้มันชอบหลอก”

“เขาใช้กฎหมายนี้อยู่ตลอดเวลามันเป็นกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขา แต่มันไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์กับพวกเราอยู่แล้ว ถ้าเด็กทำให้จบวันนี้ได้ก็จะได้รู้ดีรู้ชั่วกันไปเลย เพราะมันเรื้อรังมาเป็นศตวรรษแล้วเด็กเขาต้องมาเอาคืนแทนผู้ใหญ่แล้ว กว่าเด็กจะมาคิดทำใหม่อีกรอบก็กลัวว่าเราจะตายเสียก่อน” ป้าอีกคนเสริม แต่ป้าก็บอกว่า “แต่เราเคารพความคิดเห็นของเด็ก เด็กเขาอาจจะมีความคิดอีกแนวนึงแต่ก็อาจจะขัดกับเรา แต่เราก็รู้ว่าตอนนี้ตำรวจทหารเขาก็ไปอยู่กันตามวัดหมดแล้ว แต่ไม่ใช่ว่า(เด็ก)เขาไม่รู้”

“รุ่นนี้เราไม่กลัวแล้ว” ป้าๆ สำทับ

พวกเธอไม่เคยคิดและตกใจที่จะมีวันที่มีการพูดเรื่องสถาบันกษัตริย์แบบนี้ และพวกเด็กๆ ก็พูดได้ดีและกล้ามากที่แสดงความคิดเห็น และการแสดงความคิดเห็นที่เป็นปัญญาชนจริงๆ แต่รุ่นพวกเธอไม่กล้าพูดแล้วก็เป็นมานานแล้วในสภาก็ไม่กล้าพูดซึ่งชอบที่พวกเด็กๆ เขามีความคิดตรงนี้ ที่เขาทำก็เพื่อตัวพวกเขาเองและเพื่อทุกคนในประเทศจะได้มีสิทธิเสรีภาพ

1 ในกลุ่มป้าบอกว่า “ดีใจมาก แล้วที่เขาขอบใจเสื้อแดง เขาขอโทษเสื้อแดงในที่ชุมนุม ป้าแบบปลื้ม บางคนนี่น้ำตาไหลเลย”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net