Skip to main content
sharethis

อัยการสั่งฟ้อง 'เอกชัย-สุรนาถ-บุญเกื้อหนุน' พร้อมผู้ต้องอีก 2 คน ข้อหาม.110 คดี “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินีฯ” และขอให้เพิ่มโทษเฉพาะเอกชัย แต่ศาลให้ประกันระหว่างพิจารณาคดีทั้งหมดหลัง วางหลักทรัพย์คนละ 2-3 แสน

 

31 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 มี.ค.64) ที่สำนักงานอัยการ รัชดาฯ เอกชัย หงส์สังวาน, สุรนาถ แป้นประเสริญ, บุญเกื้อหนุน เป้าทอง และประชาชนไม่ประสงค์ออกนามอีก 2 คน เดินทางไปตามนัดส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาในคดีที่พวกเขาถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 ประทุษร้ายเสรีภาพราชินีฯ จากการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ต.ค.2563 แล้วมีขบวนเสด็จผ่านพื้นที่ที่มีผู้ชุมนุมอยู่

อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลทำให้พวกเขาทั้ง 5 คนถูกนำตัวไปศาลอาญา รัชดาฯ และศาลมีความเห็นรับฟ้องเป็นคดี และให้ขังระหว่างพิจารณาคดี พวกเขาทั้ง 5 คนจึงยื่นคำร้องขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 300,000 บาท

ทั้งนี้ในคำฟ้องของอัยการยังระบุขอให้ศาลเพิ่มการลงโทษแก่เอกชัยเป็นการเฉพาะ โดยอัยการยกคดีของเอกชัยที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา 2 คดี คดีแรกเป็นคดีที่เอกชัยไปร่วมชุมนุมคนอยากเลือกตั้งที่กองบัญชาการกองทัพบกเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2561 ต่อมาอัยการฟ้องเอกชัยในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.ชุมนุมฯ และคดีที่สองเป็นคดีที่เขาถูกฟ้องข้อหาโพสต์ข้อความอนาจาร ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (4) จากการเล่าชีวิตในเรือนจำของตัวเอง

เวลา 16.38 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีทั้ง 5 คน  โดยเอกชัยเเละสุรนาถ ศาลเรียกหลักประกันคนละ 300,000 บาท  ส่วนบุญเกื้อหนุนเเละประชาชนอีก 2 คนใช้หลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท

คดีสืบเนื่องมาจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 โดยคณะราษฎร เวลา 17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล แต่เกิดเหตุขบวนเสด็จของพระชาชินีเเละเจ้าฟ้าทีปังกร เสด็จกผ่านพื้นที่ชุมนุมไปที่วัดราชโอรสวรารามเเละวัดอรุณราชวราราม โดยที่ไม่มีใครทราบมาก่อนล่วงหน้า ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่ตำรวจเข้ามาคอยกั้นเเนวระหว่างผู้ชุมนุมเเละรถขบวนเสด็จฯ ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมมีการตะโกน เละชูสามนิ้ว จนพวกเขาถูกออกหมายจับตามมา

ต่อมา 28 ม.ค. 64  ศรายุทธ สังวาลย์ทอง เเละ พ.ต.ท.พิทักษ์ ลาดล่าย สน.ดุสิต มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 ได้เเก่ เอกชัย หงส์กังวาน , บุญเกื้อหนุน เป้าทอง , สุรนาถ เเป้นประเสริฐ , เเละประชาชนอีก 2 ราย ต่ออัยการ โดยกล่าวว่าเป็นการกระทำ ‘ร่วมกันพยายามประทุษร้ายต่อเสรีภาพของราชินี , มั่วสุมกันตั้งเเต่ 10 คน ใช้กำลังประทุษร้ายทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง , กีดขวางการจราจร เเละกีดขวางทางสาธารณะ’  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 ซึ่งระบุว่า 'ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี’

เป็นเหตุให้ 17 ก.พ. 64 ผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไม่ให้สั่งฟ้องคดีเหตุดังกล่าว เหตุปรับใช้กฎหมายไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เเละขอให้สอบสวนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการถวายความปลอดภัย ต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา กรณีคดี “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินีฯ”

ต่อมา 25 ก.พ. เอกชัย ขอยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้อัยการสอบพยานเพิ่มอีก เช่น สุทธวรรณ สุพรรณ ณ อยุธยา ส.ส.พรรคก้าวไกล ผู้อภิปรายในสภาฯ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการใช้เส้นทางเสด็จฯ   ดังนั้นพนักงานอัยการพนักงานคดีอาญา จึงมีคำสั่งให้มีการสอบพยานบุคคลเพิ่มเติมตามที่ทนายความของผู้ต้องหาขอความเป็นธรรม เป็นเหตุทำให้กระบวนการตัดสินไม่สำเร็จ จึงมีการนัดผู้ต้องหาเข้ารับฟังคำตัดสินใหม่ ในวันที่ 31 มี.ค. 64

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net