Skip to main content
sharethis

พรรคก้าวไกลเปิดตัว Think Tank ประเดิมเปิดข้อเสนอ 7 มาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้าง-ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคำสั่งของรัฐบาลในการป้องกันโควิด ย้ำสถานะการคลังยังกู้เพิ่มได้ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณ

29 เม.ย.2564 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า พรรคก้าวไกลเปิดตัวศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต หรือ Think Forward Center นำโดย เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ เพื่อรับฟัง ศึกษา วิจัย และออกแบบนโยบายในการพัฒนาประเทศไทยระยะยาว

สำหรับมาตรการเฉพาะหน้านั้น เดชรัต กล่าวว่าขณะนี้ระบบสาธารณสุขกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ประชาชนล้มตายจากโควิด-19 รายวัน เนื่องจากการวางแผนเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับไม่กล้าพอจะประกาศล็อกดาวน์ เพราะไม่พร้อมจะรับผิดชอบเยียวยาประชาชน รัฐบาลใช้วิธีสั่งปิดสถานประกอบการและห้ามออกนอกเคหะสถานโดยใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้ ไม่ต่างอะไรกับมีการล็อกดาวน์ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า 

ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคตหรือ Think Forward Center ในนามสถาบันนโยบายสาธารณะ (Think Tank)  ของพรรคก้าวไกลจึงมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล ดังต่อไปนี้

1) รัฐต้องพยุงการจ้างงาน โดยรัฐบาลจ่ายเงินสนับสนุนเพื่อช่วยคงการจ้างงาน ในอัตรา 30% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 3,500 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน และจะช่วยสนับสนุนเงินเพื่อคงการจ้างงานไม่เกิน 100 คน/สถานประกอบการ โดยมีเงื่อนไขไม่ปรับลดคนออก เพื่อช่วยให้สถานประกอบการขนาดเล็ก/แรงงานอิสระยังคงการจ้างงาน/การทำงานไว้ได้ จำนวนผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 17 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 100,000 ล้านบาท

2) รัฐต้องชดเชยการว่างงานอันเนื่องมาจากประกาศคำสั่งของรัฐ โดยไม่นำเงินกองทุนประกันสังคมจ่ายเงินชดเชยว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย หากมีนโยบายชดเชยคนที่ต้องหยุดงานชั่วคราวด้วยคำสั่งของรัฐ ผู้ที่ต้องจ่ายคือรัฐบาล อย่านำเงินที่ลูกจ้าง นายจ้างร่วมกันสมทบไปจ่าย

3) จ่ายชดเชยตรงให้กับผู้ประกอบการที่ต้องถูกสั่งปิดกิจการโดยคำสั่งรัฐ สถานประกอบการเหล่านี้จะถูกสั่งปิดเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ร้านนวด ร้านเสริมสวย ผับ บาร์ สถานศึกษา สถานรับเลี้ยงเด็ก สนามกีฬา กองถ่ายละครและภาพยนตร์ รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้อง โดยเร่งด่วน ซึ่งทุกการระบาดที่ผ่านมายังไม่เคยมีการชดเชยโดยตรงให้ผู้ประกอบการแม้แต่บาทเดียว

4) จ่ายเงินเยียวยาผลกระทบ สำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 3,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือนทันที โดยมีจำนวนผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 50 ล้านคน ใช้งบประมาณ 300,000 ล้านบาท

5) นำมาตรการ asset warehousing มาประยุกต์ใช้สำหรับหนี้ครัวเรือน เช่น การยืดระยะเวลาการไถ่ถอน การลดอัตราดอกเบี้ย และการมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย(3 เดือน) สำหรับสถานธนานุบาลและสถานธนานุเคราะห์ และมีมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาลมีงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนต่างในการดำเนินการ 

6) ให้สินเชื่อเพื่อค่าใช้จ่ายในการศึกษา โดยให้ผู้ปกครองสามารถนำใบเสร็จค่าบำรุงการศึกษา และค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาอื่น(รวมถึงค่าอินเตอร์เน็ต) มาขอกู้เงินแบบปลอดดอกเบี้ยตลอดปี 2564 ที่ธนาคารของรัฐ(เช่น ธนาคารออมสิน) จากนั้นจึงจะเริ่มให้คืนเงินกู้ และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในปี 2565 เป็นต้นไป โดยรัฐบาลต้องให้งบประมาณสนับสนุนโดยการชดเชยอัตราดอกเบี้ย เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ต้องขาดรายได้

7) สนับสนุนวงงบประมาณสำหรับการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต และ/หรืออุปกรณ์ทางการศึกษา(ที่เหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอนแบบทางไกล/ออนไลน์) สำหรับนักเรียนและนักศึกษาทุกคน ตลอดภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในวงเงิน 1,500 บาท/ภาคการศึกษา และภาครัฐควรประสานกับ กสทช. และภาคธุรกิจโทรคมนาคม ให้สามารถให้บริการในค่าบริการที่ต่ำที่สุด

“ข้อเสนอทั้งหมดนี้ พรรคก้าวไกลและ Think Forward Center เป็นทางรอดของประเทศ ถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใหม่มาบริหาร แม้ว่าการดำเนินการตามแนวทางนี้จะมีผลให้งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถดำเนินการได้ โดยหากมีการกู้ยืมเงินอีกในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท ผ่านการออกพระราชบัญญัติและกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ก็จะทำให้สัดส่วนภาระการชำระหนี้ต่องบประมาณทั้งหมดอยู่ประมาณ 12.5% ของงบประมาณทั้งหมด และจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็น 65% ของ GDP ซึ่งแม้จะเกินจากกรอบเดิมที่เคยกำหนดไว้ แต่ก็เป็นแนวทางที่จะสร้างประโยชน์กับประชาชนในสถานการณ์ที่ประชาชนมีความยากลำบาก โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูงกว่า 90% ของ GDP แล้วในปัจจุบัน”

“แต่การกู้เงินรอบใหม่ไม่สมควรกระทำในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเมื่อดูจากผลงานการใช้จ่ายงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความสามารถที่จะอนุมัติและเบิกจ่ายโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่สมควรจะเป็นผู้รับผิดชอบหากจะต้องมีการกู้เงินเพิ่มในครั้งใหม่นี้” ดร.เดชรัต กล่าวสรุป

นอกจากมาตรการเฉพาะหน้าในระยะสั้นที่ได้กล่าวมาแล้วแล้ว พรรคก้าวไกล และ Think Forward Center เห็นว่ารัฐบาลควรมีแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยหลังโควิด โดย Think Forward Center จะนำเสนอนโยบายในระยะกลางและระยะยาว เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ขอให้ผู้ที่สนใจติดตามต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net