Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านบางกลอย ร่อนหนังสือถึง กก.มรดกโลก ช่วยแก้ 3 ปัญหาก่อนขึ้นทะเบียนป่าแก่งกระจาน หลังคณะกรรมการชุด "ธรรมนัส" ที่ตั้งมาเพื่อช่วยชาวบางกลอยก่อนหน้านี้นั้นดำเนินการล่าช้า ด้านชาวเมืองเพชรร่วมบริจาคเงิน อาหาร และเวชภัณฑ์ เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนอาหาร และความป่วยไข้ของชาวบ้านบางกลอยขณะนี้

ภาพชาวบ้านกำลังอ่านหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 64 (ที่มา เครือข่าย)
 

21 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานวันนี้ (21 ก.ค.) ชาวบ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขียนหนังสือด้วยลายมือส่งถึงคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งจัดประชุมออนไลน์ระหว่างวันที่ 16-31 ก.ค. 64 ซึ่งมีประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ โดยหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 20 ก.ค. 64 โดยมีเนื้อหาระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยกรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพยายามผลักดันให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยอ้างว่าแก้ไขปัญหาของชุมชนบ้านบางกลอยแล้วเสร็จ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา ระบุว่าแก้ไขปัญหาชุมชนบ้านบางกลอยโดยอ้างถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนบ้านบางกลอย ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชุมชนบางกลอยกลับยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เช่น ที่ดินทำกิน การกลับไปอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิม ไม่ยอมรับวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเราชุมชนบ้านบางกลอย การทำไร่หมุนเวียน และอื่นๆ 

หนังสือระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 64 ชาวบ้าน 26 ครอบครัวกลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิม แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า ชาวบ้านบางกลอยบุกรุกแผ้วถางป่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิมที่บรรพบุรุษเคยทำกินมาก่อน ฉะนั้น จึงมีข้อเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก ก่อนที่จะขึ้นป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 1.ให้ชาวบ้านบางกลอยสามารถกลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิมที่เรียกว่า ‘บางกลอยบน’ หรือ ‘ใจแผ่นดิน’ 2.ขอให้ยกเลิกคดีของพวกเราชาวบ้านบางกลอยทั้ง 28 คน 3.ให้จัดการพื้นที่ทำกินให้กับพวกเราส่วนหนึ่งที่มีความประสงค์อยากอยู่บางกลอยล่าง 

"พวกเราชาวบ้านบางกลอยหวังว่าท่านจะพิจารณาข้อเสนอของพวกเรา ก่อนที่จะขึ้นกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ" ข้อความในหนังสือ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม หรือเมื่อราว 4 เดือนก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการ 28 คน มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธาน และมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 5 ชุด อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านไม่ได้รับรู้ความก้าวหน้าของการแก้ไขปัญหาใดๆ เลย ทั้งที่เป็นความหวังสุดท้ายของชาวบ้านบางกลอย จนทำให้หลายคนเกิดท้อใจ และชาวบ้านเตรียมหาช่องทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอีกครั้ง

นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา กสม.มีข้อเสนอแนะในระดับนโยบายให้หยุดการจับกุมชาวบ้านบางกลอย เพราะชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมพร้อมทั้งขอให้ตั้งกลไกในการแก้ปัญหา แต่จากการติดตามข้อเสนอแนะ ปรากฏว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด รวมทั้งมีข่าวว่าชาวบ้านบางกลอยเผชิญกับปัญหาความขาดแคลนอาหาร จนต้องกลับไปทำการเพาะปลูกในพื้นที่เดิม และมีการจับกุมชาวบ้านกลุ่มนี้ ดังนั้น กสม. จึงได้หยิบยกเรื่องบางกลอยขึ้นมาติดตามอีกครั้ง เพราะปัญหาเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข และมีเรื่องร้องเรียนจากกะเหรี่ยงบางกลอยต่อ กสม. ชุดใหม่เพิ่มเข้ามา รวมทั้งเมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลจะผลักดันแก่งกระจานเป็นมรดกโลกในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ กสม. จึงได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ยืนยันว่า กสม. เห็นความสำคัญของการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของผืนป่าแก่งกระจาน แต่รัฐบาลควรแก้ปัญหาชาวบ้านซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมให้ได้ก่อน

ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ในความเป็นจริงยังไม่มีการกระทำใดที่จะช่วยปรับปรุงแก้ไขความสัมพันธ์กับชุมชนให้ดีขึ้น ในทางกลับกัน รัฐยังทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เพราะคิดเสมอว่ากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบุกรุกป่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมายังบังคับขับไล่เขาออกจากที่ทำกินในถิ่นฐานเดิม และจับกุมดำเนินคดีชาวกะเหรี่ยงถึง 28 คน ซึ่งรวมทั้งสตรีและผู้สูงอายุที่พิการในข้อหาทำลายป่า ทั้งที่เขาปลูกข้าวกินแบบไร่หมุนเวียนตามประเพณีในที่เดิมที่เขาเคยทำมา ผู้ต้องหาทั้ง  28 คนถูกเงื่อนไขการประกันตัวของศาลไม่ให้เข้าพื้นที่ทำกิน พวกเขาจึงตกอยู่ในสภาพอดอยากยากแค้น ต้องขอรับบริจาคอาหารและของใช้จำเป็นจากบุคคลข้างนอก ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งและละเมิดสิทธิมนุษยชนในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรเพื่อการยังชีพอีกด้วย

“ผมเชื่อว่า ยูเนสโกจะฟังเหตุผลของชุมชนผู้รักษาป่าและพิจารณาประเด็นความสัมพันธ์กับชุมชนในการจัดการผืนป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกด้วยข้อมูลตามความเป็นจริงจากผู้รักษาป่าตามวิถีวัฒนธรรมที่แท้จริง มากกว่าคำพูดสวยหรูในรายงานที่ปราศจากความเป็นจริง” ดร.เพิ่มศักดิ์ กล่าว

ขณะที่นางสาวอัญชลี อิสมันยี ผู้ประสานงานภาคี #Saveบางกลอย จ.เพชรบุรี กล่าวว่า ชาวเพชรบุรี รู้สึกเห็นใจชาวบ้านบางกลอย เนื่องจากพบว่าขณะนี้ชาวบ้านบางกลอยมีอาการเจ็บป่วยโดยเฉพาะการขาดสารอาหาร จำนวน 34 คน โดยมีอาการมือเท้าสั่น ใจสั่น ปวดหัว ไม่มีเรี่ยวแรง และมีเด็กเล็ก 13 คนต้องกินน้ำข้าวแทนนมแม่ เนื่องจากร่างกายแม่ไม่สามารถผลิตน้ำนมได้ ชาวเพชรบุรีจึงรู้สึกเห็นใจและต้องการช่วยเหลือตามหลักของมนุษยธรรม โดยมองข้ามข้อกังขาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จนโดนคดี เพราะมองว่ามนุษยธรรมต้องมาก่อน เด็กๆ ควรได้รับการดูแล

นางสาวอัญชลี อิสมันยี ผู้ประสานงานภาคี #Saveบางกลอย (คนที่สองจากซ้าย)
 

นางสาวอัญชลี กล่าวว่า ขณะนี้คนเพชรบุรีได้ร่วมกันบริจาคเงินเป็นจำนวนกว่า 70,000 บาท พร้อมเวชภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อการป้องกันการระบาดของโรคติดต่อโควิดโดยเป็นเจล และสเปรย์แอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังมีนมกล่อง ข้าวสาร และอาหารแห้ง เช่น กุนเชียง หมี่โคราช โดยเงินบริจาคนั้นได้นำไปซื้อผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูปจากชุมชนชาวเล ที่กำลังมีปัญหาขาดแคลนข้าว เนื่องจากไม่สามารถขายปลาได้ 

"หลังจากนี้จะนำเงินบริจาคไปซื้อผลิตภัณฑ์อาหารแห้งและพืชผักจากชาวบ้านโดยตรง โดยเน้นชุมชนที่กำลังมีความเดือดร้อน และเกษตรกรในพื้นที่แก่งกระจานและจังหวัดเพชรบุรีก่อน เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลประชาชนด้วยกันเองใน" นางสาวอัญชลี กล่าว

เนื้อความในหนังสือของชาวบ้าน ส่งถึงกรรมการมรดกโลก ภาพจากเครือข่าย

 

หนังสือของชาวบ้านบางกลอยถึงคณะกรรมการมรดกโลก

เรียน คณะกรรมการมรดกโลก เรื่องการแก้ไขปัญหาของชุมชนบ้านบางกลอย ตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี กรณีการขอกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ

ที่ผ่านมารัฐบาลไทยโดยกรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานพยายามผลักดันให้กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยอ้างว่าได้แก้ไขปัญหาของชุมชนบ้านบางกลอยแล้วเสร็จโดยมีการให้การของนายวราวุธ ศิลปะอาชา ว่าได้แก้ไขปัญหาชุมชนบ้านบางกลอย ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ทางพวกเราชุมชนบ้านบางกลอยตามความเป็นจริงแล้ว ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เช่น ที่ดินทำกิน การกลับไปอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิมไม่ยอมรับวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเรา ชุมชนบ้านบางกลอย การทำไร่หมุนเวียน เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๔ ชาวบ้าน ๒๖ ครอบครัวได้กลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิม แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและดำเนินคดี เจ้าหน้าที่อ้างว่าพวกเราชาวบ้านบางกลอยบุกรุกแผ้วถางป่า ตามความเป็นจริงแล้วพวกเรากลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิมที่บรรพบุรุษเคยทำกินมากินมาก่อน ฉะนั้นพวกเรามีข้อเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลก ก่อนที่จะขึ้นป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ

๑.ให้พวกเราได้กลับไปทำกินในพื้นที่ดั้งเดิมที่เรียกว่า บางกลอยบนหรือใจแผ่นดิน
๒.ขอให้ยกเลิกคดีของพวกเราชาวบ้านบางกลอย ทั้ง ๒๘ คน
๓.ให้จัดการพื้นที่ทำกินให้พวกเราส่วนหนึ่งที่มีความประสงค์อยากอยู่บางกลอยล่าง
พวกเราชาวบ้านบางกลอย หวังว่าท่านจะพิจารณาข้อเสนอของพวกเราก่อนที่จะขึ้นกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net