Skip to main content
sharethis

#ม็อบ19พฤศจิกา64 โดยกลุ่มก็มาดิแก๊ส จัดกิจกรรมขับไล่นายกรัฐมนตรีพร้อมรำวงวันลอยกระทง ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้ร่วมกิจกรรมย้ำ การชุมนุมไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง

19 พ.ย. 2564 กลุ่มผู้ชุมนุมอิสระที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม 'ก็มาดิแก๊ส' นัดชุมนุมเวลา 17.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. ตำรวจเข้าวางกำลังจำนวนมากบริเวณเกาะพญาไทและบริเวณเกาะกลาง กำลังตำรวจวันนี้ส่วนหนึ่งมาจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน โดยมีการพกอาวุธเช่น ปืนพกสั้นและปืนลูกซอง

มีการวางกำลังรถกระบะของส่วนตรวจปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจนครบาล ติดกำบังใส 8 คันจอดอยู่ฝั่งเกาะพญาไท พร้อมกำลังตำรวจ คฝ.ในชุดสีกากี กว่า 10 นายกระจายตามรถ

มีการวางกำลังรถกระบะของส่วนตรวจปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจนครบาล ติดกำบังใส 8 คันจอดอยู่ฝั่งเกาะพญาไท พร้อมกำลังตำรวจ คฝ.ในชุดสีกากี กว่า 10 นายกระจายตามรถ

ก่อนเวลานัดหมายมีกิจกรรมจากกลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร จากไลฟ์ของสำนักข่าวราษฎร เวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณบันไดเลื่อนทางขึ้นสกายวอล์ค เกาะพญาไท ตำรวจขอค้นกระเป๋าเยาวชนกลุ่มหนึ่งประมาณ 4 คน ผู้ชุมนุมใช้โทรโข่งกล่าวว่า ค้นแล้วไม่เจออะไรเอาความรู้สึกของน้องไปไว้ที่ไหน ตำรวจบอกว่า ที่ผมค้น ค้นเพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชน ผู้ชุมนุมกล่าวว่า พวกพี่อันตรายมากที่สุด คนที่ยิงเด็กก็ตำรวจยิง เด็กพวกนี้ไม่มีอันตราย ถ้าพวกพี่ไม่กดดันเขา

ต่อมา 'ป้าเป้า' วรวรรณ แซ่อั้ง เข้ามาที่หน้าแนวตำรวจและมีเหตุชุลมุนขึ้น ผู้ชุมนุมล้อมตำรวจและผลักดันตำรวจออกจากกลางเกาะพญาไทไปที่ริมฟุตบาท ตะโกนออกมาว่า ตำรวจทำร้ายประชาชนและหยุดคุกคามประชาชน

เวลา 17.10 น. ยังมีการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม มีผู้ชุมนุมคนหนึ่งระบุว่า สร้อยขาดระหว่างเหตุชุมมุน ตำรวจไม่ถอนกำลังออกจากเกาะพญาไท ขณะที่ผู้ชุมุมกลับไปทำกิจกรรมร้องเพลงที่ภายในเกาะพญาไทเช่นเดิม

เวลา 18.10 น. ตำรวจเข้าตรวจค้นจักรยานยนต์ของคนที่จอดอยู่บริเวณเกาะพญาไทและขอให้ขยับรถออก ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจและตะโกนด่าทอตำรวจ

ตำรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่จอดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ตำรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่จอดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

18.35 ผู้ร่วมชุมนุมร่วมกันรำวงวันลอยกระทง ก่อนยุติกิจกรรม

'จัสติน' (นามสมมติ) ผู้ร่วมชุมนุมในวันนี้กล่าวว่าไม่เห็นความคืบหน้าอะไรจากรัฐบาลในข้อเรียกร้องของประชาชนที่ออกมาชุมนุม รัฐบาลไม่เคยฟังเสียงประชาชน และไม่ได้ใส่ใจประชาชนอย่างที่ควร เช่น การร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ตนรู้สึกว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่เดือดร้อนใคร แต่ว่าก็ไม่มีใครสนใจและไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลนี้

"การชุมนุมไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง แต่เป็นเหมือนการจัดระบเบียบอะไรหลายๆ อย่างที่เอาเปรียบประชาชนให้เข้าที่เข้าทาง" จัสตินกล่าว พร้อมระบุว่าการที่กลุ่มผู้มีอำนาจใช้คำว่าล้มล้างการปกครองมาครอบกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเป็น 'ข้ออ้างของคนกลัวความเปลี่ยนแปลง' เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นเคยได้รับประโยชน์จากระบอบนี้" จัสตินกล่าว

ด้าน 'พี' (นามสมมติ) ผู้เข้าร่วมการชุมนุมวัย 28 ปี อาชีพฟรีแลนซ์ เผยว่าตนมาเข้าร่วมชุมนุมเป็นประจำ เกือบทุกครั้งนับตั้งแต่การชุมนุมวิ่งไล่ลุง และมองว่าการลงถนนเป็นการเมืองอยู่แล้ว เพราะหากไม่มีการลงถนน การเมืองในสภาก็อาจจะไม่ขยับมาถึงจุดนี้

'พี' (นามสมมติ)

'พี' (นามสมมติ)

"เราเปลี่ยนสังคมเพราะการลงถนน ผมคิดว่ามันเป็นอย่างนั้น ประชาชนไม่มีทางออกอื่นนอกจากลงถนน มันมีทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ มันต้องอาศัยทุกคนออกมาตะโกนร่วมกันว่ามันไม่โอเค บ้านที่เราอยู่มันไม่โอเค

สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น พีกล่าวว่ากฎกติกามันบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเขาคงไม่ยอมให้แก้อย่างแน่นอน ตนจึงคิดว่านี่คือไพ่ตายใบสุดท้ายที่กลุ่มผุ้มีอำนาจสามารถทำได้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

"ผมรู้สึกตลกมากที่เขาพยายามคิดและทำให้มันเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่ามันเป็นเกมของเขา ถ้าทำให้เราจบได้ มันก้จบ แต่ผมคิดอยู่ตลอดว่ามันคืออะไร ไปอ่านใหม่ ไปทำความเข้าใจใหม่ก็ได้

"ตราบใดที่คนยังต่อสู้ ผมก็ยังมองเห็นอนาคตอยู่ มันไม่ได้แผ่วลงเลย สำหรับผม" พีกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net