Skip to main content
sharethis
  • ‘ธีรัจชัย ก้าวไกล’ เผย คำสั่ง ‘ประยุทธ์’ ตั้งกรรมการตรวจสอบคดีสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส กระทิงแดง’ เหมือนจริงใจกอบกู้กระบวนการยุติธรรม แต่แท้จริงแล้วเป็นแค่ปาหี่ตบตาประชาชน ถึงวันนี้ยังเอาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ได้ แถมขบวนการช่วยเหลือทั้ง ‘อัยการ-ตำรวจ’ แค่ลงโทษแบบขอไปที และไปไม่ถึงก๊วนนายตำรวจใหญ่ จ่อยื่นกระทู้ถาม จี้ ‘ประยุทธ์’ ต้องมาตอบสภาด้วยตนเอง 
  • ประชาชนเมืองแปดริ้ว ร้องกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ค้านไม่เอาท่อก๊าซปตท. ย้ำกระทบ วิถีชีวิตประชาชน กว่า 600,000 ชีวิต

25 พ.ค.2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ( ป.ป.ช. ) สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีการดำเนินคดีวินัยเรียกร้องเอาผิดตำรวจที่เกี่ยวข้องในการทำสำนวน วรยุทธ์ อยู่วิทยา หรือ ‘บอส  กระทิงแดง’ 

ธีรัจชัย กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ตนเเถลงในกรณีที่คณะกรรมอัยการจำนวน 8 รายมีมติ ให้ลงโทษเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ให้ออกจากราชการ ตามพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85 เเละ มาตรา 87 โดยยืนยันว่าเป็นคำสั่งที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน เนื่องจากคำสั่งนี้ทำให้ผู้ที่ถูกลงโทษยังสามารถรับบำเหน็จ บำนาญ ได้ตามปกติ เเละผลให้ออกจากราชการให้นับตั้งแต่วันที่ผู้ถูกลงโทษได้ยื่นลาออกไว้ก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าผลลงโทษทางวินัยไม่ได้ส่งผลกระทบในทางปฏิบัติ เป็นการสมประโยชน์ผู้ที่ถูกลงโทษอย่างยิ่ง ส่งผลให้ประชาชนที่ติดตามคดีดังกล่าวมีความผิดหวัง 

ธีรัจชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับในวันนี้จะกล่าวถึงการดำเนินคดีทางวินัยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มาชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยได้ทราบข้อมูลว่า พลตำรวจเอกวิษณุ ปราสาททองโอสถ  รองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการพิจารณาคดีทางวินัยที่เกี่ยวข้องกับทำคดีวรยุทธ อยู่วิทยา จะพิจารณาดำเนินคดีวินัยร้ายเเรงกับข้าราชการตำรวจระดับพันตำรวจเอก 2 นาย โดยหนึ่งในผู้ที่จะถูกดำเนินคดีวินัยร้ายแรงคือ พันตำรวจเอกธนสิทธิ แตงจั่น เนื่องจาก พันตำรวจเอกธนสิทธิ ได้เปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์เฟอรารี่ของ วรยุทธ โดยเหตุเกิดในการประชุม ณ สำนักงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงท่านหนึ่ง ซึ่งในห้องนั้นมีทั้งอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง พนักงานอัยการ นักวิชาการระดับรองศาสตราจารย์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทนายของผู้ต้องหาและข้าราชการตำรวจระดับผู้ใหญ่อีก 1-2 รายร่วมประชุมอยู่ด้วย

“หากข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงจะถือว่าเป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่หน่วยงานราชการที่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา แต่ผลการดำเนินคดีทางวินัยขัดกับความรู้สึกของประชาชนอย่างรุนแรงไม่แพ้กรณีในส่วนของอัยการอย่างที่กล่าวมาแล้ว เรื่องนี้จึงขอฝากไปถึง พลตำรวจเอกสุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาคดีอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งต่อกรณีที่เกิดขึ้น

“ในกรณีนี้ แม้ว่า พันตำรวจเอกธนสิทธิ จะได้เปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความเร็วจริง แต่พฤติการณ์ในการที่เปลี่ยนความเร็วมีปัจจัยที่มากดดันเกิดจากการประชุม ณ สำนักงานแห่งหนึ่งหรือไม่ ตามที่เป็นข่าวที่ท่านน่าจะทราบอยู่แล้ว และพันตำรวจเอกธนสิทธิ ก็มีความพยายามที่จะกลับไปยืนยันความเร็วตามความเห็นเดิมที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงเป็นข้อสังเกตว่า พันตำรวจเอกธนสิทธิ อาจจะไม่ได้มีเจตนาในการทุจริตในกรณีดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนี้ยังควรพิจารณาด้วยว่า กรณีของ พันตำรวจเอกธนสิทธิ นั้นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายวิชา มหาคุณ ยังได้พิจารณาไว้เป็นพยานด้วย” 

ธีรัจชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกัน ยังมีข้าราชการตำรวจระดับสูงอีกหลายนายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ทั้งในขั้นตอนการสอบสวนที่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนไว้สองชุด และในขั้นตอนการประชุมเปลี่ยนแปลงความเร็วที่มีข้าราชการตำรวจระดับสูงเข้าไปเกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มีการดำเนินคดีทางวินัยที่เหมาะสมกับการกระทำ นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาด้วยว่ารายงานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ วิชา มหาคุณ ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ มีความเห็นว่า การสอบสวน การร้องขอความเป็นธรรมเพื่อกลับคำสั่งฟ้องเป็นสั่งไม่ฟ้อง โดยการไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการนั้น มีความสืบเนื่องกัน จึงเป็นขบวนการดำเนินคดีที่เชื่อได้ว่ามีการร่วมมือสมคบคิดกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม

ธีรัจชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอฝากถามไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าตกลงคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบคดีสั่งไม่ฟ้องวรยุทธ อยู่วิทยา ชุดที่มี วิชา มหาคุณ เป็นประธานตั้งแต่ปี 2563 ที่กระทำเหมือนกับว่ารัฐบาลมีความจริงจัง จริงใจ ในการกอบกู้กระบวนการยุติธรรมนั้น ทำไมเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้จึงยังไม่มีใครสามารถนำตัววรยุทธ อยู่วิทยา มารับโทษได้ กลับยังปล่อยลอยนวลอยู่ในต่างประเทศ การกระทำที่เกิดขึ้นยังมีลักษณะเป็นการปาหี่ ด้วยการลงโทษแบบสมประโยชน์ หรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดังที่ตั้งข้อสังเกตไว้ หลังจากนี้ ตนได้เตรียมยื่นกระทู้ถามต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้แล้ว คาดว่าจะได้ถามในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จึงขอให้ พลเอกประยุทธ์ มาตอบด้วยตนเอง ว่าทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติและในส่วนอัยการที่มีการลงโทษแบบขอไปทีหรือเอาผิดเฉพาะปลาเล็กเหล่านี้เป็นเพียงปาหี่ ตบตาประชาชนหรือไม่

ปชช.แปดริ้ว ร้อง กมธ.พัฒนาการเมือง ค้านโครงการวางท่อก๊าซ ปตท. 

วันเดียวกัน จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.บางขุนเทียน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือ จาก ณัฏฐณิชา นิลมณี ตัวเเทนประชาชน จ.ฉะเชิงเทรา กรณีขอคัดค้านโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติบริษัท ปตท. ที่ส่งผลกระทบวิถีชีวิตประชาชน เเละขอให้คณะกรรมาธิการพิจารณาหาทางออกจากโครงการดังกล่าวนั้น 

จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. ฉะเชิงเทรา เขต 4 ระบุว่า ในวันนี้ตนได้พาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก โครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. มีการวางท่อกาซธรรมชาติโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เเละการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งโครงการดังกล่าวมีสิ่งที่น่าสงสัย คือ มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนอย่างไม่ทั่วถึง เเละจากกรณีการระเบิดเมื่อ 2 ปีที่เเล้ว ที่ ต.เปรง จ.สมุทรปราการ ถึงวันนี้ ปตท. ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงพบว่าโครงการนี้มีการจ่ายค่าหัว ที่จะเอาลายเซ็นประชาชนไปประกอบการเสนอโครงการ และล่าสุดจนนำไปสู่วันนี้ที่โครงการออกมาสรุปเเล้ว ว่าจะมีการก่อสร้างโครงการ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับทราบ 

ขณะที่ ณัฏฐณิชา นิลมณี ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อ.บางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา ระบุว่า โครงการดังกล่าว เป็นโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติจากโรงงานไฟฟ้าบางปะกง ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ครอบคลุมพื้นที่ 56 กม. ผ่าน 30 ตำบล 2 จังหวัด คือสมุทรปราการเเละฉะเชิงเทรา มีประชาชนที่อาศัยที่จะได้รับผลกระทบจำนวน 600,000 คน จากกรณีไม่มีการชี้เเจงกับประชาชน ไม่ให้ความใส่ใจในการรับฟังความคิดเห็นกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงบริษัทไม่ได้เเสดงความความปลอดภัยให้กับประชาชนจากเหตุระเบิดทั้งด้านชีวิตเเละทรัพย์สิน นอกจากนี้โครงการดังกล่าวมีการเร่งรัด เเละทำรายงานสำรวจผลกระทบสิ่งเเวดล้อม EIA อย่างน่าสงสัย ขณะนี้อยู่ในช่วงการรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนในช่วงท้ายเเล้ว จึงขอให้กรรมาธิการพิจารณาหาทางออกเพื่อความยุติธรรมอย่างเร่งด่วน ขอยืนยันว่าแผนการวางท่อของ ปตท.ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ตนไม่ได้มีเจตนาในการขัดขวางประเทศ แต่ต้องการความโปร่งใส เเละความเป็นมืออาชีพของบริษัท ปตท.

ณัฐชา กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง เห็นว่าการมีร่วมของประชาชนชนในโครงการภาครัฐมีความสำคัญอย่างยิ่ง เเละจากข้อร้องเรียนที่ผ่านมา การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาครัฐมีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับให้เพียงผู้นำชุมชนเข้าร่วมรับฟัง ขาดประชาชนจำนวนมาก หลังจากนี้ ทางกรรมาธิการจะติดตามเร่งรัดอย่างใกล้ชิด เเละจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการการเมือง ในสัปดาห์ต่อไป โดยจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตัวเเทนประชาชน เเละตัวเเทนบริษัท ปตท. มาชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ พร้อมถ่ายทอดสดการประชุมของคณะกรรมาธิการเพื่อความโปร่งใสตามเจตจำนงค์ที่ประชาชนต้องการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net