เมื่อวานนี้ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.อย่างถล่มทลายคือได้ถึงเกินล้านเสียงและยังมีคะแนนเสียงมากกว่าผู้สมัครหรือแคนดิเดตคนอื่นรวมกันเสียอีก  ด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ชัชชาติสงวนท่าทีทางการเมือง พร้อมจะประนีประนอมกับทุกฝ่ายแตกต่างจากแคนดิเดตคนอื่นที่มีฝั่งสังกัดชัดเจน อย่างสุชัชวีร์สังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมที่กำลังเน่าได้ที่อย่างประชาธิปัตย์ วิโรจน์สังกัดพรรคก้าวไกลที่มีนโยบายถอนรากถอนโคนกว่าจึงทำให้ใครหลายคนกังขาว่าจะสามารถทำได้ตามหาเสียงหรือไม่  อัศวินติดภาพลุง สกลธีติดภาพพวกเป่านกหวีด รสนาติดภาพพันธมิตร ฯลฯ 

ข้างบนกลายเป็นเหตุให้หลายคนที่ไม่ชอบฝั่งก้าวไกลและไม่ชอบใครเลยในฝั่งอนุรักษ์นิยมหันมาเลือกชัชชาติ แม้ว่าโค้งสุดท้ายหรือจนถึงวันนี้จะมีหลายคนโยงชัชชาติเข้ากับฝั่งทักษิณเพราะเคยเป็นรมช.ยุคยิ่งลักษณ์ แต่สาธารณชนก็มองว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองและเป็นกลยุทธ์การเมืองแบบเก่า จนไม่อาจซ้ำรอยเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์เคยมาใช้กับการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ทำให้มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตรชนะตาม motto คือ "ไม่เลือกเรา เขามาแน่" อีกทั้งพวกที่นิยมแคนดิเดตหลายคนในฝั่งอนุรักษ์นิยมก็แตกเสียงกัน ไม่มีเพียงคนเดียวที่จะให้ร่วมเลือกอย่างสุขุมพันธ์

2. ชัชชาติเป็นคนวัย 55 ปี ไม่หนุ่มหรือแก่เกินไป แถมยังเสนอภาพเป็นคนแกร่งที่สุดในปฐพีซึ่งเป็นภาพเสนอที่เกินจริง แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่าอย่างน้อยเขาจะไม่ใช่ผู้นำทางการเมืองบางคนที่เป็นเฒ่าทารกชนิดต้องให้คนช่วยหามหรือบางครั้งก็เดินสะดุดล้ม ภาพที่ชัชชาติสวมเสื้อแขนกุดถือถุงอาหารหรือขี่จักรยานในช่วงหาเสียงนั้นคงบอกตัวจริงเขาไม่ได้หมด แต่กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้เขาดูติดดินไม่เหมือนผู้นำรัฐบาลหลายคนที่ใช้ชีวิตหรูหรา ฟู่ฟ่าแต่ดันบอกประชาชนให้ประหยัด ภาพลักษณ์ดังกล่าวของชัชชาติยังทำให้เขาดูน่าเชื่อถือกว่าแคนดิเดตคนอื่นที่ดูเป็นชนชั้นกลางนั่งแต่ในห้องแอร์ถึงแม้จะขยันลงพื้นที่หาเสียง กระนั้นก็ยังช้ากว่าชัชชาติซึ่งขยันหาเสียงมาตั้งแต่เนิ่นๆ ดูมุ่งมั่น จริงใจกว่า

3. ชัชชาติเป็นคนพูดไม่เก่งนัก (เจ้าตัวยอมรับ) กระนั้นเวลาพูดก็เปี่ยมด้วยเนื้อหาจริงๆ มีแนวคิดทันสมัย ไม่ใช่พล่ามไปเป็นชั่วโมง แต่จับใจความไม่ค่อยได้ หรือมีแต่คำซ้ำซากที่คนรุ่นใหม่เห็นว่าเชยไปแล้ว สไตล์แบบนี้ยังทำให้ชัชชาติดูจริงใจกว่าแคนดิเดตคนอื่นที่ขยันพูดหาเสียงอันเป็นภาพด้านลบของนักการเมืองที่จ้อจนลิงหลับแต่ทำไม่ค่อยได้ แม้คนกรุงเทพฯ จำนวนมากจะแยกความแตกต่างของนโยบายของผู้สมัครทุกคนไม่ออกเท่าไรนัก

4. โซเชียลมีเดีย นั้นคือชัชชาติได้รับความนิยมจากคนต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีสิทธิเลือกชัชชาติแต่ก็มาคอมเมนท์สนับสนุนในโซเชียลมีเดีย อันมีส่วนต่อการตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ  จึงบอกได้ว่าชัชชาติเป็นผู้ว่าของคนไทยจำนวนมากทั่วประเทศเพราะพวกเขาเบื่อหน่ายและสิ้นหวังต่อรัฐบาลจึงมาระบายออกกับการเลือกตั้งผู้ว่าถึงแม้จะเป็นท้องถิ่นก็ตาม  คนจำนวนมากยังมองว่าเป็นชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของฝั่งประชาธิปไตย อนึ่งการเลือกตั้งเมื่อวานยังเป็นวันครบรอบรัฐประหาร 8 ปีพอดีเหมือนกับเป็นการตบหน้าคสช.ที่พอยึดอำนาจแล้วก็ดองการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ไว้เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง

5. ชัชชาติจบวิศวกรรมศาสตร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าจะมาแก้ไขปัญหาเรื้อรังของกทม. เช่นน้ำท่วม เขามีนโยบายชัดเจนและเป็นระบบ อีกทั้งยังมีทีมงานที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่มีพื้นฐานมาจากเรื่องความมั่นคง แต่ข้าเก่งคนเดียว แสร้งเป็นรู้เรื่องสารพัดที่ตัวเองไม่ถนัดตั้งแต่เศรษฐกิจยันโรคระบาด ภาพลักษณ์เช่นนี้มีความซ้ำซ้อนกับแคนดิเดตคนอื่นเช่นสุชัชชวีหรือวิโรจน์ แต่ชัชชาติอาศัยปัจจัยข้างบนดังที่ได้กล่าวมาช่วย

ผมคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงฮันนีมูนนั่นคือช่วงดีใจของใครหลายคนแต่ก็ต้องมาดูว่าในระยะยาวชัชชาติจะสามารถแก้ไขปัญหาหรือผลักดันกทม.ให้เป็นไปตามความคาดหวังของคนเลือกและสนับสนุนหรือไม่ เพราะชัชชาติยังต้องประสานงานกับกลุ่มหลายกลุ่มนอกจากสก. แล้วยังมีระบบข้าราชการและรัฐบาลกลางด้วย อีกทั้งอำนาจของผู้ว่ากทม.ค่อนข้างถูกจำกัดตามแบบรัฐไทยที่รวมศูนย์อำนาจ

จึงต้องติดตามต่อไป