Skip to main content
sharethis

'เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ' ขอสภา-พรรคการเมืองดัน บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า ให้เป็นหลักประกันรายได้สำหรับผู้สูงวัยทุกคน ด้วยหลักความเป็นธรรมเสมอภาค ด้าน 'ไทยสร้างไทย' จัดคาราวานเครือข่ายบำนาญประชาชน เริ่มที่สีคิ้ว ชวน ปชช.สมัครเป็นสมาชิกโครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาท

10 มิ.ย.2565 เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'บำนาญแห่งชาติ' รายงานว่า 9 มิ.ย.2565 ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการยืนยันแสดงเจตนารมณ์ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองผลักดัน บำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า ให้เป็นหลักประกันรายได้สำหรับผู้สูงวัยทุกคนบนแผ่นดินไทย ด้วยหลักความเป็นธรรมเสมอภาค

นิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ภาคีเครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We fair)  กล่าวถึงหลักการสำคัญของการขับเคลื่อนประเด็นบำนาญแห่งชาติของภาคประชาชนว่ามี 3 หลักการ คือ 1) บำนาญแห่งชาติเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน 2) ต้องระบบถ้วนหน้าไม่สงเคราะห์ ไม่ต้องพิสูจน์ความจน เพื่อให้เป็นสิทธิที่สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และ 3) ระบบบำนาญที่มีควรเพียงพอต่อการยังชีพขั้นพื้นฐานจึงควรใช้เส้นความยากจนเป็นเกณฑ์ในการจ่ายบำนาญถ้วนหน้าให้กับประชาชน สำหรับการมาที่สภาวันนี้ของเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการและภาคีเครือข่ายต่าง ๆ สืบเนื่องจากวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง แนวทางการเสนอกฎหมายบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ และทางเครือข่ายฯ ทำหนังสือยื่นต่อประธานรัฐสภาให้นำรายงานฉบับดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแนวทางดำเนินการต่ออย่างเร่งด่วนแล้วนั้น และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเร่งด่วนของการดำเนินการ ทางเครือข่ายฯ จึงมาพบตัวแทนพรรคการเมืองและขอให้เร่งติดตามการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป

นิมิตร์ เทียนอุดม เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่า เครือข่ายประชาชนฯ ติดตามการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2566 ในการประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองหลายพรรคอภิปรายถึงแนวทางการจัดสรรงบประมาณใหม่ ที่เน้นลดขนาดงบประมาณด้านโครงสร้างในระบบราชการ และอภิปรายชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงของงบประมาณในส่วนสวัสดิการทั้งสวัสดิการข้าราชการ และสวัสดิการของประชาชน ซึ่งชัดเจนว่ายังมีความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรงบ

“งบสวัสดิการบำนาญข้าราชการมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปัจจุบันใช้ถึง 300,000 กว่าล้านบาท และอนาคตจะขึ้นไปถึง 700,000 – 800,000 ล้านบาท โดยครอบคลุมข้าราชการประมาณกว่าหนึ่งล้านคน ในขณะที่เบี้ยยังชีพที่เป็นสวัสดิการที่พอเทียบได้เป็นบำนาญของประชาชนเกือบ 12 ล้านคนกลับใช้จ่ายอยู่ที่ระดับ 70,000 – 80,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับข้อเท็จจริงนี้ว่าประชาชนได้รับเพียงเศษเงินที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ทั้ง ๆ ที่งบเหล่านี้ก็มาจากภาษีของประชาชนทุกคน เราต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำให้ทุกคนได้รับความเท่าเทียมด้านสวัสดิการร่วมกันอย่างไร ซึ่งทางเครือข่ายฯ ขอยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการให้ตัดงบสวัสดิการหรือบำนาญของข้าราชการที่ได้อยู่แต่เดิม ส่วนข้าราชการใหม่ ต้องมีระบบการจัดการใหม่ เช่น ลดกำลังคนที่ไม่จำเป็นของทบวง กระทรวง กรม ต่างๆ หรือการทำให้เป็นระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีส่วนสมทบเช่นเดียวกับระบบประกันสังคม เป็นต้น” นิมิตร์กล่าว

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวขอบคุณในคำแนะนำและข้อท้วงติงที่ภาคประชาชนให้ความเห็นมา ยินดีที่จะรับฟังเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเก็บไว้เป็นพลังในการทำงานเพื่อส่วนรวม ประกอบกับเป็นความตั้งใจที่จะเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนรวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุทุกคนไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตามจะต้องได้รับการดูแลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยจึงจำเป็นต้องถึงเวลาพูดถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณอย่างจริงจัง เพราะเราไม่สามารถจัดการเรื่องงบฯ สำหรับการจัดสวัสดิการให้ผู้สูงอายุได้ในระยะเวลาแค่ปีหรือสองปีแต่ต้องมองระยะไกล ดังนั้นแม้การพูดข้อเท็จจริงจะมีความเสี่ยงแต่การรอไปให้ข้อมูลอีก 8 ปีข้างหน้าสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำที่เรากังวลก็อาจมีความรุนแรงมากขึ้นจึงหวังว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการดูแลสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุทุกคนเป็นสิ่งจำเป็น

หนูเกณ อินทจันทร์ ตัวแทนเครือข่ายฯ เน้นย้ำเพิ่มเติมว่าการผลักดันให้เกิดบำนาญถ้วนหน้าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว รัฐบาลต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำให้เป็นจริงได้แบบไหน รัฐจะหารายได้เพิ่มอย่างไร จะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแบบไหนมากกว่าที่จะมากังวลกลัวว่าจะมีการตัดงบบำนาญหรือสวัสดิการของตัวเองลงแต่เพียงอย่างเดียว เพราะคนทุกคนไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็ตามแม้ไม่มีเงินเดือนประจำต่างก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ เราจึงอยากเห็น ส.ส. ทุกคนที่เป็นผู้แทนของประชาชนลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างจริงจัง

'ไทยสร้างไทย' จัดคาราวานเครือข่ายบำนาญประชาชน เริ่มที่สีคิ้ว ชวน ปชช.สมัครเป็นสมาชิกเดือนละ 3,000 บาท

สำหรับประเด็นบำนาญในวันเดียวกัน (9 มิ.ย.) ทีมสื่อพรรคไทยสร้างไทย รายงานว่า สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรค พร้อมด้วย ต่อพงษ์ ไชยสาส์น และทีมไทยสร้างไทย จัดคาราวานเครือข่ายบำนาญประชาชน อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พร้อมร่วมงานบวงสรวงย่าโม มีประชาชนร่วมกันสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท 

สุดารัตน์ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นลูกอีสาน หลายย่าโม เป็นคนโคราช จึงขอประกาศภารกิจสำคัญในการสร้างพรรคไทยสร้างไทย หรือพรรค “ส” คือการทำให้ “คนไทยหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน” โดยเฉพาะใน “ยุคข้าวยากหมากแพง” ที่รายได้หดหาย รายจ่ายเพิ่ม กระทบกับประชาชนทุกย่อมหญ้า โดยเฉพาะภาคเกษตรกร ที่ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งราคาปุ๋ย ราคายา และน้ำมันเพื่อการเกษตร ที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัว ทำให้เกิดวงจรเป็นหนี้เป็นสิน ที่ต้องกู้เงินมาทำการเกษตร หากปีไหนที่ฝนฟ้าอากาศดี หรือ ราคาดี ก็ทำให้เกษตรกรพอลืมตาอ้าปากได้ แต่หากปีไหนราคาตกต่ำ หรือฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจ เกษตรกรก็ต้องขาดทุนอย่างย่อยยับ 

“วันนี้พรรคไทยสร้างไทย ได้มาจัดคาราวานสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท หลังจากที่ได้นำเสนอ และประกาศเป็นนโยบายวันนี้เป็นการสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนอย่างเป็นทางการต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันสนับสนุนผลักดันร่างพระราชบัญญัติบำนาญประชาชน ของพรรคไทยสร้างไทยให้สำเร็จเป็นรูปธรรมตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศเป็นนโยบายหลักของพรรค” สุดารัตน์ กล่าว

สุดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่าพรรคไทยสร้างไทย ให้ความสำคัญกับคนตัวเล็ก จึงมีหลักนโยบาย “ดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่” อย่างนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท เพื่อผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ และสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ลดภาระลูกหลานวัยทำงานหมดกังวลในการดูแลพ่อแม่ จะได้มีเวลาสร้างตัวได้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว โดยผู้รับบำนาญประชาชนต้องมีหน้าที่ในการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง โดยรัฐจะจัดโปรแกรมการสร้างสุขภาพผ่านศูนย์สุขภาพชุมชน เพื่อลดโรคไขมัน ความดัน เบาหวาน เพื่อเป็นการรองรับปัญหาของสังคมผู้สูงวัย เราจะปล่อยให้ประเทศไทยเต็มไปด้วยคนแก่ที่ยากจน และร่างกายอ่อนแอ ไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ และเป็นการฉุดรั้ง การพัฒนาประเทศ

ประธานพรรคไทยสร้างไทยยังระบุว่า โครงการบำนาญประชาชนเดือนละ 3000 บาทจะเป็น โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากที่ได้ผลมากที่สุด ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เป็นกำลังซื้อมหาศาล ให้กับเศรษฐกิจฐานราก จนสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้  เศรษฐกิจของไทยก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐบาลก็สามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น จึงขอเชิญชวน ประชาชนทุกคนมาร่วมกันเป็นเครือข่ายบำนาญประชาชนของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อร่วมกันสนับสนุนระบบสวัสดิการนี้ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

หมายเหตุ : 18.50 น. วันที่ 13 มิ.ย.2565 ประชาไทแก้ไขดำเนินการพาดหัวและเนื้อข่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net