26 มิ.ย. ที่จะถึงนี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก น่าจับตาว่าจะมีการประกาศคำขวัญออกมาหรือไม่และอย่างไร หลังการประกาศปลดล็อกกัญชาของรัฐบาลโดยความริเริ่มของภูมิใจไทย คำขวัญของปีที่แล้ว ผู้สื่อข่าวตรวจสอบยังไม่พบการประกาศอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ซึ่งไม่เกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมามีการพูดถึงสถาบันกษัตริย์ในคำขวัญต่อต้านยาเสพติดอย่างน้อย 8 ครั้ง
รัฐบาลไทยอนุมัติให้วันที่ 26 มิ.ย. เป็นวันต่อต้านยาเสพติดตั้งแต่ ธ.ค. 2531 โดยถือตามมติของสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติที่กำหนดให้วันดังกล่าวของทุกปีเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก การประกาศคำขวัญต่อต้านยาเสพติดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกรัฐบาลมาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 เป็นอย่างน้อย โดยคำขวัญในปี พ.ศ. 2534 ได้แก่ “ประสาทหลอน เป็นโรคจิตวิกลจริต เพราะกินยาบ้า”
นับแต่นั้น รัฐบาลมีการประกาศคำขวัญต่อต้านยาเสพติดออกมาโดยตลอด คำขวัญที่ติดหูกันดีสำหรับหลายๆ คน คือ "รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ร่วมกันต้าน ยาเสพติด" ซึ่งเป็นคำขวัญต่อต้านยาเสพติดใน พ.ศ. 2542-43 สองปีซ้อนกัน การประกาศคำขวัญนี้นับหมุดหมายสำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำขวัญซ้ำ และเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงสถาบันกษัตริย์ในคำขวัญต่อต้านยาเสพติด โดยคำขวัญนี้เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลของชวน หลีกภัย
หลังจากนั้นมามีคำขวัญต่อต้านยาเสพติดที่พูดถึงสถาบันกษัตริย์อีก 7 ครั้ง ได้แก่
พ.ศ. 2549 "60 ปี ทรงครองราชย์ รวมพลังไทยทั้งชาติ ขจัดยาเสพติด”
พ.ศ. 2550 “รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน”
พ.ศ. 2552 “ทำความดี ตามคำพ่อ”
พ.ศ. 2554 “สานต่อพระราชปณิธาน หยุดยั้งยาเสพติด หยุดหายนะแผ่นดิน”
พ.ศ. 2555 “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เทิดไท้ 80 พรรษา มหาราชินี”
พ.ศ. 2559 “ประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัย ยาเสพติด เฉลิมพระเกียรติ 70 ปี ทรงครองราชย์”
พ.ศ. 2560 "ทำดีเพื่อพ่อ สานต่อแก้ปัญหายาเสพติด"
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่ามีการประกาศคำขวัญต่อต้านยาเสพติดออกมาเป็นประจำทุกปี และมีการใช้คำขวัญซ้ำอีก หนึ่งครั้ง คือใน พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2548 ("พลังไทย ต้านภัยยาเสพติด") ในสมัยของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่มี "สงครามต่อต้านยาเสพติด" และมีการพูดถึงเกี่ยวกับการ "ฆ่าตัดตอน" และการวิพากษ์วิจารณ์ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนาหูโดยองค์กรสิทธิ
น่าสนใจว่าใน พ.ศ. 2547 เป็นปีแรกที่ไม่มีการประกาศคำขวัญต่อต้านยาเสพติด ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการประกาศใช้ซ้ำคำขวัญระหว่าง พ.ศ. 2546-2548 ในสมัยรัฐบาลทักษิณหรือไม่ เพราะข้อมูลถูกเว้นว่างไว้ตามแหล่งข้อมูลของหน่วยงานราชการและสำนักข่าวออนไลน์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทักษิณพูดถึงสถาบันกษัตริย์ในคำขวัญ 1 ครั้งใน พ.ศ. 2549 ก่อนที่เขาจะถูกรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน
อีกปีหนึ่งที่มีการเว้นว่างข้อมูลเกี่ยวกับคำขวัญไว้ในรอบ 17 ปี คือ พ.ศ. 2564 หรือปีที่แล้ว ซึ่ง Sanook.com ระบุว่า "ไม่มีประกาศคำขวัญ" ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบมีการพูดถึงสโลแกนรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดอื่นๆ ของรัฐบาล แต่ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นคำขวัญหลักได้หรือไม่ เช่น "สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด" และ "รวมพลังต่อต้านยาเสพติด" เป็นต้น สำหรับข้อมูลคำขวัญที่มีทั้งหมดนั้นสามารถเข้าถึงได้ที่นี่
จับตาปี 65
ในปีนี้น่าจับตาว่าจะมีน่าจับตาว่าจะมีการประกาศคำขวัญออกมาหรือไม่และอย่างไร หลังการประกาศปลดล็อกกัญชาของรัฐบาลโดยความริเริ่มของภูมิใจไทย เมื่อไม่นานมานี้ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีภาคภาษาอังกฤษรายงานว่าการเปิดเสรีกัญชาในครั้งนี้นับว่าเป็นการพลิกโฉมนโยบายที่มีต่อสารเสพติดอย่างฉับพลัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยใช้นโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในยุคของรัฐบาลทักษิณ
บีบีซีภาคภาษาอังกฤษรายงานด้วยว่าการปลดล็อกในครั้งนี้อาจทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เสรีที่สุดในโลกในด้านกัญชา แม้กฎหมายใหม่ที่ออกมาจะอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น และการใช้กัญชาอาจผิดกฎหมายข้างเคียงอื่นๆ (เช่น ห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะ) แต่ในทางปฏิบัติแล้ว เส้นแบ่งระหว่างวัตถุประสงค์เพื่อการนันทนาการและการแพทย์นั้นแยกออกจากกันอย่างยากลำบาก
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาพบได้ทั้งในรูปแบบของเครื่องดื่ม อาหาร ไอศครีม และอื่นๆ การพลิกโฉมนโยบายเกี่ยวกับสารเสพติดในครั้งนี้ บีบีซีวิเคราะห์ว่ามาจากปัจจัย 3 ประการด้วยกัน ปัจจัยคืออนุทิน ชาญวีรกูล เสนอนโยบายนี้เพื่อชนะใจฐานเสียงที่เป็นกลุ่มชาวนาในภาคอีสาน ซึ่งรายได้มาจากการเพาะปลูกข้าวและพืชให้น้ำตาลเป็นหลัก และกำลังต้องการพืชชนิดใหม่ในการนำมาขายเพื่อดำรงชีพ
ปัจจัยที่สอง ได้แก่ โอกาสทางธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นในภาคการท่องเที่ยวเพื่อบำบัดโดยใช้กัญชา 'ทอม เครือโสภณ' นักธุรกิจชื่อดังระบุกับบีบีซีว่ากัญชาจะสร้างรายได้กว่า 10 พันล้านดอลล่าร์ใน 3 ปีแรก แต่อุตสาหกรรมการรักษาทางเลือกโดยใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาจะสร้างรายได้สูงกว่านั้นมาก และตัวเขาเองก็เปิดคลินิกที่รักษาบำบัดโดยใช้กัญชาเป็นแห่งแรกในกรุงเทพมหานครแล้ว
การผ่านกฎหมายปลดล็อกกัญชาฉบับนี้จะทำให้ไทยเป็นประเทศบุกเบิกในอุตสาหกรรมด้านนี้ของภูมิภาค และเป็นผู้ได้รับประโยชน์ก่อนประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังอาจลังเลและจับตามองว่ากฎหมายฉบับนี้จะส่งผลที่ตามมาอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการนโยบายใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ประการสุดท้ายคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีต่อการใช้สารเสพติดใหม่ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังคงปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร บีบีซีเล่าว่าใน พ.ศ. 2559 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ขณะนั้นเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเสนอให้ "คิดใหม่ ทำใหม่" เกี่ยวกับนโยบายต่อต้านยาเสพติด โดยเน้นมิติทางด้านสาธารณสุขมากกว่ามิติทางกฎหมาย
อิศรารายงานคำพูดของ พล.อ. ไพบูลย์ ในขณะนั้นระบุว่า นโยบายต่อต้านยาเสพติดแบบ 'ปราบโหด' กลับทำให้ยิ่งมีคดีเพิ่มขึ้น นำมาสู่ปัญหานักโทษล้นคุก สภาพเรือนจำแออัด สิ้นเปลืองงบประมาณในการดูแล และบทลงโทษไม่เหมาะสมกับองค์ความผิดโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งประเด็นนี้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ รัฐบาลไทยจึงปลดล็อกกัญชาในที่สุด และขณะนี้กำลังมีการร่างระเบียบเพิ่มเติมเพื่อให้การใช้กัญชาเป็นไปอย่างรัดกุมมากขึ้น
แน่นอนว่ายาเสพติดประเภทอื่นๆ ที่เป็นปัญหายังคงมีอยู่แพร่หลาย โดยเฉพาะเฮโรอีน อะเฟตามีน และอื่นๆ ที่ผ่านมายังคงมีรายงานเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น การจับกุมผู้ลักลอบค้าสารติดที่ฮ่องกงซึ่งถูกส่งมาจากประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว และการจับกุมชายไทย 3 คนโดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาที่มีความเชื่อมโยงกับแก๊งยากูซ่าเมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมา
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่าในปี 2565 จะมีคำขวัญต่อต้านยาเสพติดออกมาหรือไม่และอย่างไร
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)