Skip to main content
sharethis

สปสช.แถลงข่าวเตรียมความพร้อมดูแลผู้ป่วย หลังยกเลิกสัญญา 9 รพ.เอกชน มีผล 1 ต.ค.65 นี้ ย้ำไม่กระทบผู้ป่วย มีสถานพยาบาลรองรับ พร้อมกับบริการรูปแบบใหม่เพิ่มทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ทางไกล คัดกรองโรค/ดูแลโรคเล็กน้อยที่ร้านขายยา คลินิกเวชกรรม คลินิการพยาบาลเปิดนอกเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย  

19 ก.ย. 2565 ทีมสื่อสปสช. รายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้แถลงข่าว “สปสช.ไม่ลอยแพผู้ป่วย แจงความพร้อมรองรับ หลังยกเลิกสัญญา รพ.เอกชน 9 แห่ง”  

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ในฐานะโฆษก สปสช. เปิดเผยถึงกรณีที่ สปสช.ได้ยกเลิกสัญญาบริการสาธารณสุขโรงพยาบาลเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา 1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท 2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป ว่า การยกเลิกสัญญาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (อปสข.กทม.) ที่ให้ดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เรียกเงินคืน แจ้งสภาวิชาชีพ ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการเอกชนทั้ง 9 แห่งดังกล่าว เนื่องมาจากผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข พบเอกสารหลักฐานว่า หน่วยบริการเอกชนทั้ง 9 แห่งมีการเบิกค่าคัดกรองเมตาบอลิกไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเป็นที่มาการยกเลิกสัญญาเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ และหน่วยบริการรับส่งต่อในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 

ทั้งนี้ รพ.ทั้ง 9 แห่งนี้ ดูแลประชากรปฐมภูมิ 220,313 คน ข้อมูลจากปี 2564 ทั้งปี และปี 2565 (9 เดือน) พบว่ามีประชากรใช้บริการ 99,947 คน คิดเป็น 45.36% ดูแลประชากรรับส่งต่อ 696,103 คน ในจำนวนนี้จากข้อมูล 6 เดือนล่าสุดพบว่า มีประชากรใช้บริการ 18,200 คน หรือประมาณร้อยละ 2.61% ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำนวน 22,246 คน สปสช.ได้เตรียมความพร้อมรองรับ ดังนี้ 

1. กลุ่มผู้ป่วยในที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ทั้ง 9 แห่ง รักษาต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา โดย รพ.จะยังได้รับค่าใช่จ่ายในการรักษาพยาบาลจาก สปสช. 

2. กลุ่มผู้ป่วยที่มีนัดรักษาหลังวันที่ 1 ต.ค. 2565 ได้แก่ นัดผ่าตัดต่างๆ หญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดที่มีนัดทำคลอด ผู้ป่วยมะเร็งที่มีนัดรังสีรักษาและเคมีบำบัด ผู้ป่วยที่มีนัดตรวจอัลตร้าซาวด์ นัดตรวจซีทีสแกน (CT Scan) นัดตรวจ MRI ผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเร่งด่วน ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย. 2565) สปสช.นัดหมายประชุมกับ รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่ง ให้รักษาตามที่ได้นัดหมายต่อไป รวมถึงกรณีที่ผู้ป่วยถูกส่งต่อจาก รพ.ทั้ง 9 แห่งนี้ไปรักษาที่อื่น เช่น นัดตรวจและฟังผลอัลตร้าซาวด์อีก รพ.หนึ่ง ก็ใช้สิทธิได้เหมือนเดิมไปก่อนจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยเบิกจ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามประกาศเหตุอันสมควร เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ป่วย และในระหว่างนี้ หากมีนัดหมายต่อไป สปสช.ได้ประสาน รพ.แห่งใหม่ไว้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับรักษาต่อเนื่อง และจะประสานผู้ป่วยโดยตรงต่อไป  

3. กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ ที่มีนัดตรวจติดตามอาการและรับยาต่อเนื่องหลังวันที่ 1 ต.ค. 2565 ไปรักษาที่คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรม และศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านที่ไหนก็ได้ ทั้งนี้ สปสช.จัดเตรียมรายชื่อหน่วยบริการเพื่อให้ท่านทราบว่าไปที่ไหนได้บ้าง ผู้ป่วยสามารถไปติดต่อที่หน่วยบริการดังกล่าวได้เอง หรือ โทร.มาที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 6 เพื่อสอบถามรายชื่อหน่วยบริการใกล้บ้านที่สามารถไปรักษาได้และให้สายด่วน 1330 ประสานการรักษาต่อได้  

4. ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยวัณโรคที่ต้องรับยาต่อเนื่อง ไปรักษาที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง หรือโรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน ในส่วนของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ท่านสามารถไปรับยาและตรวจติดตามอาการได้ที่หน่วยบริการที่ให้บริการได้ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์การแพทย์บางรัก (คลินิกบางรัก) สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และพริบตา แทนเจอรีน สหคลินิก เป็นต้น  

5. ผู้ป่วยไตที่มีนัดฟอกไตกับทั้ง 9 รพ.เอกชนนี้ และผู้ป่วยที่มีนัดผ่าตัดหัวใจ สวนหัวใจใส่บอลลูน ใส่สเต็นท์ ยังคงรับบริการได้ตามนัดเหมือนเดิม เนื่องจากการยกเลิกสัญญาไม่ได้รวมถึงการให้บริการด้านฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และบริการด้านการทำหัตถการรักษาโรคหลอดเลือดโคโรนารีผ่านสายสวน 

ส่วนกรณีผู้ที่ยังไม่ป่วยหรือไม่ใช่ผู้ป่วยรักษาต่อเนื่องนั้น ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ระหว่างนี้ขอให้ท่านตรวจสอบสิทธิการรักษา ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ  

1. ผู้ที่สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) และสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) เป็น 1 ใน 9 รพ.เอกชน ขอให้ท่านลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการแห่งใหม่ที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือใกล้บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง คลินิกชุมชนอบอุ่น 214 แห่ง และหน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลต่างๆ โดยลงทะเบียนเลือกได้ทางแอปพลิเคชัน สปสช. อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีหน่วยบริการในเขตพื้นหรือใกล้บ้านให้เลือกลงทะเบียน ขออย่ากังวลใจ เพราะขณะนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการเร่งจัดหาหน่วยบริการเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป หากเกิดภาวะเจ็บป่วยท่านก็ยังใช้สิทธิบัตรทองรักษาได้ โดยเข้ารับบริการที่ทุกหน่วยบริการปฐมภูมิทุกแห่งในระบบบัตรทอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  

2. ผู้ที่สถานพยาบาลเข้ารับการรักษาเบื้องต้น (หน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำ) เป็นคลินิกเอกชนหรือศูนย์บริการสาธารณสุข ที่ไม่ใช่ รพ. 9 แห่งนี้ และมีสถานพยาบาลที่รับการส่งต่อ (หน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไป) ระบุว่า เป็น 1 ใน 9 รพ.เอกชน เมื่อเจ็บป่วยท่านยังคงเข้ารับการรักษาได้ตามรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษาเบื้องต้นตามสิทธิได้เช่นเดิม กรณีที่จะต้องถูกส่งต่อไปรักษายังสถานพยาบาลอื่น สปสช.ได้ประสานงานให้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่ได้จัดหาเพิ่มให้  

นอกจากนั้น สปสช.มีบริการทางเลือกใหม่เตรียมรองรับไว้ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล การคัดกรองโรคและดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อยกับร้านขายยา คลินิกเวชกรรม คลินิกการพยาบาล ที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองไปรักษาได้ ซึ่งจะเปิดนอกเวลาเพื่อบริการผู้ป่วย โดยวันที่ 21 ก.ย. 2565 นี้ สปสช.มีประชุมกับคลินิกชุมชนอบอุ่น 214 แห่ง และหน่วยบริการเฉพาะด้านในพื้นที่ กทม. เช่น ด้านเวชกรรม 40 แห่ง ด้านกายภาพบำบัด 9 แห่ง ด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ 9 แห่ง ด้านทันตกรรม 29 แห่ง และร้านยา 517 แห่ง เพื่อหารือการดูแลรักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้ต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการไปรักษาพยาบาลให้ทราบต่อไป  

“และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองทั้ง 9 รพ. สปสช.ได้เปิดสายด่วน 1330 กด 6 เพื่อให้ผู้ป่วยติดต่อประสานเพื่อดำเนินการต่อไป ขอให้ประชาชนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิรักษาพยาบาลที่ รพ.เอกชนทั้ง 9 แห่งไม่ต้องกังวลใจ สปสช.ได้เตรียมความพร้อมไม่ให้กระทบกับผู้ป่วยไว้แล้ว” ทพ.อรรถพร กล่าว  

ตรวจสอบสิทธิการรักษาที่เว็บไซต์ สปสช. https://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml หรือที่ไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิกลิงค์ https://lin.ee/zzn3pU6 เลือกเมนูตรวจสอบสิทธิ หรือแอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูตรวจสอบสิทธิตนเอง  

ดูรายชื่อหน่วยบริการที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  

เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/page/hospital 

เว็บไซต์ Nostra map https://map.nostramap.com/NostraMap/ หรือแอปพลิเคชัน Nostra Map เลือกชั้นข้อมูลที่เขียนว่า รายชื่อสถานพยาบาลในระบบ สปสช.  

(เลือกประเภทการขึ้นทะเบียนที่ระบุว่า บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป หรือหน่วยบริการประจำ) 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

1.สายด่วน สปสช. 1330 กด 6  

2. ช่องทางออนไลน์ 

ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 

Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand 

ไลน์ ทราฟฟี่ ฟองดูว์ พิมพ์ไลน์ไอดี @traffyfondue หรือคลิก https://lin.ee/nwxfnHw 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net