รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เผย นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบกำหนด 4 มาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด หลังเกิดสถานการณ์กราดยิงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู
12.ต.ค.2565 อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานผ่านเฟซบุ๊ก “อนุชา บูรพชัยศรี” ระบุ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบกำหนด 4 มาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด สั่งดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด เร่งด่วน มีประสิทธิภาพ สร้างความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และความเชื่อมั่นให้ประชาชน
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ จากเหตุการณ์ดังกล่าวรัฐบาลมีความห่วงกังวลในการป้องกันและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืน และยาเสพติด ตลอดจนการเยียวยาผู้เสียหายทั้งระบบ ที่ประชุมมีการกำหนดมาตรการเร่งด่วนที่จะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ จึงเห็นว่าต้องมีมาตรการเพิ่มเติมมากขึ้น จากโครงสร้างกลไกการป้องกันเดิมที่มีอยู่แล้ว และมีการสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งคณะ เพื่อติดตามตรวจสอบและกำกับดูแลหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งเป็นระดับนโยบายและจังหวัดต่าง ๆ รวมไปถึงศูนย์ระดับกระทรวง กรมและพื้นที่บริการพิเศษ เขตและอำเภอหมู่บ้านและชุมชน
ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด ประกอบด้วย
1. มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน
-กวดขันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน และกระสุนปืนอย่างเข้มงวดในการออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาตและการพกพา
-ผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตรงตามกฎหมาย มีการตรวจสอบและรับรองทางจิตว่าไม่เป็นผู้วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน/สำหรับในส่วนความประพฤติหรือพฤติกรรมต้องได้รับการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ว่าไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม และมีมาตรการตรวจสอบทบทวนเพื่อพิจารณาคุณสมบัติในทุกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม
-เพิกถอนใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิต พฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม การใช้ยาเสพติด และมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม
-กวาดล้างจับกุมอาวุธเถื่อนและการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง
-ทบทวนกฎหมายที่จำเป็นให้มีความทันสมัย
2. มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
-ควบคุมการนำเข้าและส่งออกสารเคมีที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนต์”
-เร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน
-บูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส.
-ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง เพื่อนำไปสู่การบำบัดฟื้นฟู
-สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
3. มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
-ค้นหา คัดกรองผู้ป่วย SMIV เข้าสู่สถานฟื้นฟูฯ ภาคีเครือข่าย
-เร่งรัดการจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้ง สธ.และ อปท. และสถานบำบัดรักษาที่มีมาตรฐานสากล
-บูรณาการการบำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment) ให้ครอบคลุมทุกตำบล
-พัฒนาพฤตินิสัย ร่วมกับการบำบัดฟื้นฟู โดยเฉพาะกลุ่มที่ก่อความรุนแรง หรือเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง และใช้กำไล EM เพื่อการติดตามดูแล
4. การพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต
-จัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง / สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน / หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง
-ทำการบำบัดฟื้นฟูทันที โดยจัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการ จิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ ระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
-ใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง