Skip to main content
sharethis

‘สมหวัง อัสราษี-เจ๋ง ดอกจิก’ 2 อดีตแกนนำนปช. พลิกขั้ว สมัครเข้า รทสช. โอด เคยสู้เพื่อ ‘เขา’ แต่เราติดคุก อวย ‘ประยุทธ์’ เสียสละทำเพื่อชาติ

10 ก.พ. 66 หลายสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า วานนี้ (9 ก.พ.) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ สมหวัง อัสราษี และยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เดินทางมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นตัวแทนต้อนรับพร้อมสวมเสื้อพรรคให้กับทั้งสองคน

สมหวัง อัสราษี - เจ๋ง ดอกจิก

สมหวังให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคว่า ตนได้ตัดสินใจมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิก เพราะคิดมานาน ได้เห็นการทำงานและติดตามข่าวของพรรคมาตลอด เห็นว่าพรรคนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ไม่มีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้น ตรงกับอุดมการณ์ของตน ทำให้คิดว่าพรรคนี้ช่างแตกต่างกับที่เคยอยู่มาในอดีต ซึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจและยินดีที่เข้ามาเป็นสมาชิกรวมไทยสร้างชาติ รับรองว่าจะให้ความร่วมมือในการทำงาน ถ้ามีโอกาสจะทำให้ดีที่สุด อุดมการณ์ของตนคือ มีหัวใจสามสี คือขาว น้ำเงิน แดง ไม่ว่าจะอยู่ นปช. หรืออะไรก็ตาม แต่ก้นบึ้งหัวใจของตนเป็นแบบนี้มาตลอด

“ในการปราศรัยบนเวที ผมไม่เคยแตะต้องหรือพูดถึงสถาบันฯ เลย ใครจะพูดอะไรก็พูดไป หากไม่อยากฟัง ผมจะเดินหนี แต่วันนี้ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจ วันนี้พร้อมทุกเวลาที่จะลงสมัครในนามพรรคที่ชอบ ผมเห็นการทำงานของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เสียสละแม้ว่าจะเกษียณอายุแล้วแต่ยังอุทิศตัวมาทำงาน ผมก็อยากจะเดินตามรอยแบบเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรีเช่นกัน” สมหวังกล่าว

ด้านยศวริศ หรือ เจ๋ง ดอกจิก กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนมีแนวความคิดที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งตลอดกว่า 10 ปี จนมาถึงวันนี้เห็นแล้วว่าบ้านเมืองไม่ควรมีความแตกแยกอีกต่อไป ทุกคนต้องหันหน้าเข้ามาสามัคคีกัน ไม่มีแดง ไม่มีเหลือง ไม่มีนกหวีด หรือพันธมิตรฯ แต่ต้องหันหน้ามาพัฒนาประเทศด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาทำให้บ้านเมืองพัฒนาไปไม่ได้ ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ไปพบประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้เห็นว่าชาวบ้านมีความเจ็บปวด แต่ละจังหวัดมีปัญหาอยู่แล้ว ทั้งเรื่องที่ดินทำกิน ค่าครองชีพ สินค้าแพง ดังนั้นสิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ก็คือ พรรคการเมืองที่อยู่ในฟากรัฐบาลที่จะต้องนำเสนอนโยบายเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เจ๋ง ดอกจิก กล่าวต่อว่า จากที่ตนติดตามพรรครวมไทยสร้างชาติมาตลอด ได้เห็นแล้วว่าพรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่เพียงแต่ดูที่ผู้นำอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียวเท่านั้น แต่ดูในภาพรวมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคนี้เป็นศูนย์รวมของนักการเมืองที่มีคุณภาพและเป็นประชาธิปไตย เชื่อว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองและประชาชนได้มาก จึงได้ตัดสินใจมาสมัครร่วมงานด้วย

“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การที่จะต้องหาจุดยืนที่มั่นคงให้กับตัวเอง การเดินหน้าต่อสู้แบบ ‘สู้เพื่อเขา เราติดคุก’ ที่เคยทำมาแบบเดินเข้า-ออกคุกหลายรอบ เป็นบทเรียนแล้วว่าไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับผมและครอบครัวเลย ‘สู้เพื่อเขา แต่เวลาอับเฉาเราไร้คนดูแล’ สำหรับผมเพียงพอแล้ว เมื่อเขาเห็นค่า เขาเห็นมูลค่าผม และชวนมาร่วมงาน ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” เจ๋ง ดอกจิกกล่าว

เจ๋ง ดอกจิก กล่าวด้วยว่า การเปิดตัวของตนในการมาสมัครเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติวันนี้ก็อาจจะมีทัวร์ลง คงต้องทำที่ไว้จอดรถทัวร์มากๆ แต่อยากอธิบายว่าตนไม่ได้เอาอุดมการณ์มาเป็นเครื่องพันธนาการตัวเอง ต้องจงรักภักดีต่อพรรคการเมืองฝั่งเดิมอยู่ตลอดเวลาจนขยับไปไหนไม่ได้ การพูดว่าทรยศ อุดมการณ์เปลี่ยน กินกล้วย เหล่านี้ตนคิดว่าเป็นการกล่าวหากัน เพราะคนเรามีอุดมการณ์ แต่ไม่ใช่เอาอุดมการณ์มาพันธนาการตัวเองจนขยับขยายไปไหนไม่ได้ และคิดว่าทุกอย่างทำได้หมด ขยับขยายได้หมด ไปได้ทุกทิศทุกที่ที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและต่อตัวเรา ไม่ใช่ว่าเดินหน้าบ้าอย่างเดียว ลูกเมียจะเดือดร้อน คนข้างหลังเดือดร้อน

“ผมขอฝากไปยังบริษัททัวร์ทั้งหลายที่จะมาจอดที่หน้าบ้านผม ว่าเปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น เปลี่ยนทิศ เปลี่ยนทาง เปลี่ยนอุดมการณ์ อย่านะครับ ผมมีอุดมการณ์เหมือนเดิม แต่พรรคไหนที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ผมสนับสนุนทั้งสิ้น และอยากให้ทุกคนช่วยกันเสริมสร้างให้ประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ไม่มีว่าฝั่งเผด็จการแล้ว ฝั่งประชาธิปไตย เหล่านั้นคือคำครหา ขอให้ประชาชนทั้งที่เคยร่วมงานกับผมหรือเป็นแฟนคลับได้เข้าใจว่าผมได้มาถูกทิศถูกทางแล้ว” เจ๋ง ดอกจิกกล่าว

สำหรับบุคคลทั้งสองที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในครั้งนี้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของ นปช. หรือคนเสื้อแดง มีความใกล้ชิดกับ จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. เคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่กับจตุพรมาโดยตลอดถึงขั้นต้องเข้าคุกมาแล้ว 

สำหรับสมหวัง หรือ เฮียหวัง ถือเป็นนายทุนคนสำคัญของคนเสื้อแดง อดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ (ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)

อย่างไรก็ตาม สมหวังได้เคยระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2562 ว่า 

“ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช. มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น สามเกลอ (วีระกานต์ มุสิกพงศ์, จตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ใช้ผมไปเปิดบัญชีเพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน เพราะเขารู้ว่าจะถูกสรรพากรประเมินเสียภาษี ทั้งหมดนี้ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้เป็นเงิน 572 ล้านบาท ผมจะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย และตอนนี้โดนอายัดทรัพย์และอายัดบัญชีทั้งหมด เหลือแต่ตัวแล้วครับ แถมเป็นบุคคลล้มละลายด้วย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…นี่คือ สมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิตและอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต ฉิบหายทั้งตระกูล เพียงเพราะคำว่าเพื่อน”

เกี่ยวกับสมหวัง เดอะสแตนดาร์ดรายงานเพิ่มเติมว่า เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิซูชิต้า ในชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ส.ค. 2539 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 45 ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นให้ สราวุทธิ อัสราษี ลูกชายไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2556 

ส่วนการเรียกเก็บภาษีจากกรมสรรพากร เป็นการเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาที่ค้างชำระภาษีจากการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง (รับเงินบริจาค) ในอดีต มิได้เกี่ยวข้องกับบริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แต่อย่างใด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net