Skip to main content
sharethis

'องอาจ คล้ามไพบูลย์' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ชี้รัฐบาลเสียงข้างน้อย 'เกิดขึ้นได้ยาก-อยู่ไม่นาน' - จ่อแจ้งความมือดีจงใจแคปรูปเคารพธงชาติบนเวทีปราศรัย ใส่ร้ายนำสถาบันหาเสียง -โดน รทสช. ร้องหาเสียงจัดมหรสพ ให้ถูกตัดสิทธิ-ยุบพรรค กกต.เร่งสอบข้อเท็จจริง


นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

6 พ.ค. 2566 เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่าจากกระแสเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าความเห็นดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นในทางทฤษฎีมากกว่า แต่ในทางปฏิบัติจริงหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ คงพยายามรวบรวมเสียง สส. ให้ได้เสียงข้างมาก คือมากกว่า 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ส่วนพรรคที่เหลือก็ต้องไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร

ถ้าพรรคเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยหวังให้ สว. ช่วยออกเสียงให้เสียงข้างน้อยได้เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็อาจจะทำหน้าที่รัฐบาลได้ไม่นาน เพราะเมื่อมีการลงมติกฎหมายงบประมาณ หรือการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลก็จะแพ้โหวตในสภาทำให้ไม่สามารถเป็นรัฐบาลต่อไปได้

นอกจากนั้นพรรคการเมืองที่พยายามจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยควรคำนึงถึงความชอบธรรมทางการเมือง และกระแสสังคมที่อาจไม่ยอมรับการกระทำของพรรคการเมืองที่ฝืนความรู้สึกของสังคมจนอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมาได้

"เพราะฉะนั้นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจึงเป็นเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก หลังการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังเกิดขึ้นเร็วๆ นี้" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ

จ่อแจ้งความมือดีจงใจแคปรูปเคารพธงชาติบนเวทีปราศรัย ใส่ร้ายนำสถาบันหาเสียง

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2566 ว่านางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย พร้อมด้วย นายจิตกร บุษบา ทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง และ ดร.รุจชรินทร์ ทองใหญ่ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ทีมกฎหมายพรรคร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีที่มีผู้ใช้งาน เฟซบุ๊กโพสต์ภาพจากการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดภูเก็ตบนโลกออนไลน์ โดยใช้ภาพและเนื้อหาเพียงบางส่วน ทำให้สังคมเข้าใจผิดไปว่ามีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงทางการเมือง ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง หวังผลให้การกระทำดังกล่าวส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีความเคารพใน 3 สถาบันหลักของชาติ พร้อมกับยืนยันว่าพรรคไม่มีแนวคิดในการนำสถาบันกษัตริย์มาข้องเกี่ยวในทางการเมือง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค ที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกับจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของพรรคต่อไป

โดย ดร.รุจชรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อการปราศรัยดำเนินมาถึงเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลายืนตรงเคารพธงชาติ ผู้จัดงานได้มีการเปิด VTR เพลงชาติที่มีการเผยแพร่ตามสื่อสาธารณะโดยทั่วไป แต่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Nat Thanakitamnuay ได้จับภาพเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งของเวทีปราศรัยที่ฉากหลังของเวทีปราศรัยกำลังเปิดภาพ VTR เพลงชาติไทย ขณะที่ VTR ดังกล่าวกำลังแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 3 วินาที จากนั้นมีการนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ที่เฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมกับทำทีเป็นตั้งคำถามว่า “นำกษัตริย์มาหาเสียงได้หรือ” ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เนื่องจากทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจไปได้ว่า พรรคฯ จงใจใช้ภาพดังกล่าวเป็นฉากหลังบนเวทีหาเสียง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น การลงภาพลักษณะนี้โดยไม่ลงรายละเอียดข้อความให้ครบถ้วน ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คนเข้าใจผิดอันจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้เกิดความเสียหายได้

ดังนั้นจึงขอให้ผู้โพสต์และผู้ที่แชร์ภาพดังกล่าว รวมถึงผู้ที่กดไลค์ ได้หยุดการกระทำนั้น เนื่องจากพรรคเตรียมดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากยังมีการกดไลค์ กดแชร์ภาพดังกล่าวต่อไป จะทำให้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 อนุ 5 ที่ระบุว่า .. ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง

ด้านนายจิตกร กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสติปัญญา หรือทัศนคติของผู้บิดเบือน เพราะเมื่อดูจากข้อเท็จจริงจะพบว่า เราอยู่ในสังคมไทยที่เวลา 8.00 น. และ 18.00 น. เป็นเวลาเคารพธงชาติ ซึ่งจะมีการเปิด VTR หรือ มิวสิควิดีโอ ที่ทางการเป็นผู้ผลิตขึ้น และฉายตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ จากการที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยที่ สะพานหิน จ.ภูเก็ต เมื่อถึงเวลา 18.00 น. ผู้ปราศรัยในเวลานั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่คนไทยทุกคนพึงกระทำโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมือง จึงได้หยุดการปราศรัย เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันเคารพธงชาติ โดยภาพที่ปรากฎบนเวทีก็คือ VTR หรือมิวสิควิดีโอที่เป็นทางการและมีใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่มิวสิควิดีโอเพื่อการขอคะแนน รวมทั้งไม่ใช่ภาพที่เป็นฉากหลังของเวทีปราศรัย แต่เป็นช่วงเวลาเพียง 2-3 วินาที จาก VTR ดังกล่าว

“ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการเมืองอย่างสุจริต ตรงไปตรงมา เรามีความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันหลักของประเทศ ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเชิญชวนประชาชนเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. จึงเป็นเรื่องปกติที่วิญญูชนพึงกระทำ และเมื่อจบการเคารพธงชาติ การปราศรัยโดยนายอภิสิทธิ์ ก็ดำเนินต่อไปด้วยเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงเป็นความจงใจใส่ร้าย บิดเบือน จูงใจให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน” นายจิตกร กล่าว

ทั้งนี้นางดรุณวรรณ ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ในการเสพข้อมูลใดๆ ขอให้มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะในช่วงบรรยากาศการหาเสียงในโค้งสุดท้าย ก็มักจะมีวิธีทำลายคะแนนของคู่แข่ง ดังนั้นจึงอยากวิงวอนให้พรรคการเมือง และผู้สนับสนุนพรรคการเมืองใช้แนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อนำเสนอว่าพรรคการเมืองที่ท่านสนับสนุนนั้นดีอย่างไร มีนโยบายที่เหมาะสมอย่างไร ที่จะเข้าไปแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ แต่ไม่ใช่การใช้การกระทำที่มีเจตนาเพื่อสร้างความเข้าใจผิด บิดเบือน ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะประเด็นการนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง

“จากข่าวที่ปรากฎ และที่มีการส่งต่อในโลกออนไลน์ เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าต้นตอของข่าวนี้มาจากผู้ใด จึงอยากให้ดูภูมิหลังของผู้นั้นเป็นองค์ประกอบในการตัดสินเรื่องความน่าเชื่อถือ และขอให้พี่น้องประชาชนที่เสพข่าวนั้นๆ ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูล หรือเข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความเห็น ได้ดูให้ถ้วนถี่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการเป็นคู่ความกับผู้ใด และต้องการเห็นบรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ แต่เมื่อมีการจงใจทำให้พรรคได้รับความเสียหาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จำเป็นต้องปกป้องสิทธิเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้างต่อไป” นางดรุณวรรณ กล่าว

รทสช.ร้อง ปชป. หาเสียงจัดมหรสพ ส่อถูกตัดสิทธิ-ยุบพรรค กกต.เร่งสอบข้อเท็จจริง

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่าเลือกตั้งจังหวัดสงขลาเริ่มแข่งขันดุเดือด บวกกับกระแสการซื้อเสียง รวมถึง การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหลากหลายรูปแบบ ผู้สมัคร ส.ส. ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนถึง สำนักงาน กกต.สงขลา

โดยเฉพาะเรื่อง ขอให้ตรวจสอบการกลั่นแกล้งในเรื่องของการซื้อเสียง ล่าสุด มีรายงานว่า ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน ที่ สำนักงาน กกต.สงขลา แล้ว 1 เรื่อง

นายสมโภช โชติชูช่วง ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ นายปรีชา สุขเกษม ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบแบ่งเขต หมายเลข 7 พรรครทสช. เขตเลือกตั้งที่ 5 จ.สงขลา ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดสงขลา

กรณี นายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหมายเลข 3 พรรคประชาธิปัตย์ เขต 5 จ.สงขลากระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕ และระเบียบคณะกรรมการเลือกตั้งฯ “โฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพ หรือการรื่นเริงต่างๆ”

ทั้งนี้ในคำร้อง นั้น ไปส่งถึง ผอ.กกต.สงขลา ขอให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทำการผิดกฎหมายอันอาจเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือยุบพรรคการเมืองที่สังกัด พร้อมนำส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

โดยคำร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เวลาประมาณ 09.00 ถึง 11.00 นายเดชอิศม์ ขาวทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

พร้อมกับผู้ช่วยหาเสียง และผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งได้ร่วม กันทำการหาเสียงด้วยการจัดมหรสพ กลองยาวและดนตรีประกอบในขบวนอัญเชิญรูปเหมือนพระครูธรรมโฆษิต (หลวงพ่อคง) ที่วัดธรรมโฆษณ์ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ในพิธีสรงน้ำรูปเหมือน หลวงพ่อคง

โดยจัดขบวนกลองยาวมีดนตรีประกอบ พร้อมประกาศโฆษณาหาเสียง ใช้เครื่องกระจายเสียงขอให้ช่วยกันเลือกผู้สมัคร แบบแบ่งเขตหมายเลข 3 เขตเลือกตั้งที่ 5 และระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 26 มีการสวมเสื้อติดตราสัญลักษณ์ และชื่อพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมหมายเลข โบกธงสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งมีการถือและเดินแสดงป้ายหาเสียง แสดงหมายเลขประจำตัวผู้สมัครและพรรค ทั้งนี้ผู้สมัคร ผู้ช่วยหาเสียง และผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมรำ ร้องเพลงในขบวนแห่ดังกล่าว ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นขบวนแห่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดสงขลา ได้รับคำร้องฯ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป

นางพะเยีย ศิริโชติ ผอ.กกต.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องเอาไว้พิจารณา ในกรณีคำร้อง เขต 5 สงขลาซึ่งเจ้าหน้าที่ไต่สวนข้อเท็จจริง จะทำการพิจารณาว่า คำร้อง หรือ ข้อร้องเรียนนั้น ครบองค์ประกอบ หรือไม่ จึงจะพิจารณาว่า จะรับคำร้องนั้นเป็นเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการพิจารณารับคำร้องหรือไม่ 3 วัน หากรับคำร้อง ก็จะมีขั้นตอนการพิจารณาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางฝ่าย นายเดชอิศม์ ได้มอบหมายให้ทนายความ เข้าลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน ต่อกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อจะได้เป็นข้อชี้แจงต่อ กกต.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net