คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ ยื่นหนังสือร้องเรียนให้ กมธ.การทหาร ตรวจสอบการบริหารงานในกองทัพ ผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้บังคับบัญชาละผู้ใต้บังคับบัญชา การใช้อำนาจโดยมิชอบ และการขาดประสิทธิภาพในการรักษาคลังอาวุธ
13 ก.พ. 2563 ที่รักฐสภา เกียกกาย คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) ร่วมกับกลุ่มฟืนฟูประชาธิปไตย สมาพันธ์นักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องเรียนถึงคณะกรรมาธิการการทหาร สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา จึงร้องเรียนให้ตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การใช้อำนาจมิชอบโดยผู้บังคับบัญชา และการขาดประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยของอาวุธ
ณัฎฐา มหัทธนา ผู้ประสานงาน คปอ. ระบุว่า หลังจากการเหตุการณ์กราดยิงคลี่คลายลงแล้ว สื่อมวลชนหลายสำนักได้ตรวจถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ทำให้ทราบถึงประเด็นที่เป็นความบกพร่องในการบริหารของกองทัพ ภายใต้การการบริหารงานของ พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก อย่างน้อย 3 ประเด็นหลักคือ 1.ประสิทธิภาพในการจัดเก็บรักษาคลังอาวุธ และความรัดกุมภายในค่ายทหาร ซึ่งผู้ก่อเหตุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการปล้นอาวุธจากจุดต่างๆ ในค่ายทหารก่อนจะออกมาภายนอก โดยไม่มีเข้ายุติเหตุการณ์ได้มีประสิทธิภาพ 2.การทำธุรกิจในกองทัพ ซึ่งก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาโดยมีการทุจริตเกิดขึ้น และมีนายทหารชั้นผู้น้อยได้รับผลกระทบมากมาย และ 3.ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้วพบว่ามีทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชน การกดขี่ข่มแหง โดยทั้ง 3 ประเด็นนี้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน และเป็นปัญหาการบริหารงานอย่างชัดเจน
โชติศักดิ์ อ่อนสูง ตัวแทน คปอ. ได้อ่านหนังสือที่ได้นำมายื่นในวันนี้ โดยระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีกราดยิงในจังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 8-9 ก.พ. 2563 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 คน บาดเจ็บ 58 คน ดังเป็นที่ทราบโดยทั่วกันนั้น ภายหลังเหตุการณ์ได้มีการเปิดเผยโดยสื่อมวลชนหลายสำนัก ถึงลำดับเหตุการณ์การปล้นอาวุธ รวมถึงชนวนเหตุความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทุจริต และประสิทธิภาพการบริหารงานในกองทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารบก
คณะผู้ยื่นหนังสือฉบับนี้จึงขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบปัญหาการบริหารงานในกองทัพ ในประเด็นดังต่อไปนี้
1. การเก็บรักษาคลังอาวุธในค่ายทหาร ระบบการรักษาความปลอดภัยภายในค่าย การฝึกอบรมกำลังพลให้มีความพร้อมรับกับสถานการณ์ที่คล้ายการก่อการร้าย เพื่อกำจัดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนั้น ทางกองทัพได้มีระบบที่ได้มาตรฐานสากล และบริหารงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะมีรายงานว่าหลังจากจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ คนร้ายใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ในการปล้นเพื่อสะสมอาวุธจากหลายจุดภายในค่ายทหาร ก่อนขับรถออกไปก่อเหตุต่อประชาชน
2. การประกอบธุรกิจในกองทัพ ซึ่งเปิดช่องให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในหมู่บุคลากรและกำลังพล กองทัพมีนโยบายห้ามปรามและควบคุมอย่างไร ที่จะไม่ให้มีการกระทำอันไม่สมควร หรือเป็นการทุจริตต่อทรัพย์สินของราชการ โดยเฉพาะการหาประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุ ตามที่เป็นข่าวเรื่องการจัดสรรขายโดยญาติของนายทหารผู้บังคับบัญชา โดยมีจุดประสงค์เพื่อหาประโยชน์จากส่วนต่างเงินกู้สวัสดิการ อันนำไปสู่การทุจริตคดโกงที่เกิดขึ้นต่อทหารชั้นผู้น้อยจำนวนมาก
3. การใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการใช้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในการเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว เช่นการทำการค้ากับผู้ใต้บังคับบัญชา ตามที่เป็นข่าวกรณีการซื้อขายบ้านของคนร้ายผู้กราดยิง หรือการใช้อำนาจเพื่อข่มขู่คุกคาม ลงโทษอย่างทารุณ ไม่เป็นธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชน ไปจนถึงการหักเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และการกดขี่ในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งปัญหาหลักทั้งสามประการดังกล่าวไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะหน้าหรือเพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นลักษณะของปัญหาระยะยาวที่สะสมหมักหมมมานาน และเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของผู้บัญชาการทหารบก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ ผบ.ทบ.จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ และต้องถูกตรวจสอบ ร่วมกับการแสวงหาข้อเท็จจริงจากกำลังพลทุกระดับ รวมถึงทหารชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้เสียหาย ที่ปรากฏว่ามีจำนวนมากตามที่ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน
จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร จะได้พิจารณาและเชิญผู้บัญชาการกองทัพบก บุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหาย รวมถึงสื่อมวลชนที่ได้ทำข่าวเชิงสืบสวนมาแล้วอย่างละเอียด มาให้ข้อมูล เพื่อให้สามารถจัดทำรายงานและมีข้อเสนอแนวทางการแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎร อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปกองทัพต่อไป
ด้านประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษากมธ.การทหาร ระบุว่า ทาง กมธ. จะรับหนังสือไว้ในการพิจารณา และจะนำเข้าที่ประชุมโดยเร็วเพื่อที่จะพิจารณาเชิญ ผ้บังคับบัญชาการทหารบก และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เข้าชี้แจง พร้อมยืนยันว่า จะทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป เปลี่ยนแปลงเรื่องของการบริหารงานภายในกองทัพในอนาคต
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ คปอ. จะจัดกิจกรรมร่วมไว้อาลัยเหตุกราดยิง และเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้บัญชาการทหารบก เวลา 18.00 น. ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)