นายสำลี เวฬุวนารักษ์
คณะนิเทศศาสตร์ เอกวารสารศาสตร์ ปี4 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ผมเชื่อเหลือเกินว่านับตั้งแต่ทาง คณะกรรมการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)  ได้จัดส่งคู่มือประกอบการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับ... ที่จะลงประชามติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ไปยังประชาชนทั่วภูมิภาค หลายจังหวัด หลายอำเภอ หลายหมู่บ้าน หลายครอบครัว ได้รับหมดกันแล้ว คงได้อ่านรัฐธรรมนูญฉบับการตัดสินใจที่จะไปลงประชามติว่าจะ "รับ" หรือ "ไม่รับ" กันไปบ้างเพื่อนำไปประกอบในการตัดสินใจในการลงประชามติ

สำหรับความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองในขณะนี้มีอุณภูมิที่เรียกได้ว่ากำลัง "ร้อนระอุ" กันที่เดียวครับ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่รณรงค์ไม่ให้ประชาชนไปลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ...นี้ นำโดยกลุ่มไทยรักไทย ที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชน ที่ออกมา "ตั้งธง" ไปก่อนหน้านั้นว่าจะไม่รับรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจาก อำนาจเผด็จการ(รัฐประหาร) สำหรับกิจกรรมของกลุ่มที่ออกมาต่อต้าน มีการแจกเสื้อสีแดง ที่มีข้อความว่า "โน โหวต" รวมทั้งวีซีดี สติ๊กเกอร์ ต่างๆ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ว่า มีการซื้อเสียงหัวละ 200-300 บาท

ข้ามไปดูอีกฝั่งหนึ่งครับ ที่เป็นกลุ่มที่กำลังรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิมากที่สุดไม่ว่าท่านจะ "รับ" หรือ "ไม่รับ" ก็ตามที ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ได้ออกมาพูดเชิญชวนให้ประชาชนไปลงประชามติ รวมทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และ ประธานคมช. ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนไปใช้สิทธิกันให้เยอะ รวมทั้งยังมีความเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านฉลุย ซึ่งช่วงนี้ประชาชนที่เห็นทหารลงพื้นที่กันเยอะก็อย่าตกใจนะครับ เพราะว่าเป็นนโยบายที่ต้องการทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุด และเพื่อเป็นการป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียง ก็เห็นใจทหารเหมือนกันครับ ลำพังปัญหาของภาคใต้ก็หนักพออยู่แล้ว ต้องมาทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก

ย้อนมาดูรัฐธรรมนูญฉบับ...นี้กันอีกทีครับที่มีทั้งหมด 309 มาตราด้วยกัน ซึ่งเป็นที่โจษขานกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ปรับแก้ช่อง "โหว่" มาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 เช่น มีการอำเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนมากขึ้น และ ส.ส.ก็ลดเหลือ 480 คน รวมทั้ง ส.ว.ก็มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งบางส่วน รวมทั้งลดอำนาจของฝ่ายบริหารลง (นายกรัฐมนตรี) เพื่อให้มีการตรวจสอบที่ง่ายขึ้น ฯลฯ

ในภาวะช่วงบรรยากาศทางการเมืองที่กำลังดุเดือด และประชาชนภายในประเทศ แตกแยกออกเป็นสองฝ่าย มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ทำให้ความสามัคคีลดน้อยลง ไม่เกิดความสมานฉันท์ปรองดองกันในสังคม ทั้งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประเทศ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อ เศรฐษกิจด้วย จะเห็นได้จากค่าเงินบาทที่กำลังแข็งตัว โรงงานหลายโรงงานได้ปิดไป และทำให้มีการเลิกจ้าง คนตกงานกันเยอะ สินค้าก็ขึ้นราคา ค่าครองชีพก็ขยับตามขึ้นไปด้วยฯลฯ

สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ข้าพเจ้ามองว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายไปหมดซะทุกเรื่องนะครับ อย่างน้อยๆ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น และมีการจัด "ดีเบต" กันมาแล้ว ที่บ้านมนังคศิลา เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนที่ติดตามข่าวและได้ร่วมฟังคงได้ประโยชน์จากตรงนี้ไปบ้าง ก่อนจะตัดสินใจลงประชามติ รวมทั้งยังไม่ได้ริดลอน สิทธิและอำนาจของประชาชนลง มีการเพิ่มอำนาจให้กับประชาชนอีกต่างหาก

ถ้าหากว่าเราคนไทยทุกคนภายในประเทศ ยังรักแผ่นดินเกิดของตัวเอง รวมทั้งยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยิ่งปีนี้เป็นปี "มหามงคล" ด้วย อย่าพูดแต่ว่า "เรารักในหลวง" แต่ว่าไม่เคยทำอะไรเพื่อท่านเลยมันก็แย่นะครับ ควรที่จะหันหน้าเข้าหากันเพื่อทำให้บรรยากาศภายในประเทศ เกิดความสมานฉันท์สามัคคีกันมากขึ้น แค่ลำพังปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ทำให้ประเทศบอบช้ำมามากพอแล้วครับ อย่างน้อยๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้ารับรัฐธรรมนูญฉบับ...นี้ไปใช้ก็จะทำให้มีการเลือกตั้งเร็วมากขึ้น และประชาธิปไตยก็จะกลับคืนมาสู่ประเทศ สิ่งไหนที่ควรผ่อนปรน และพอที่จะรับได้ในช่วงนี้ก็รับไปก่อนเถอะครับ เพื่อความสมัครสมานในประเทศไทยครับ (เรารักประเทศไทย)