Skip to main content
sharethis

สืบเนื่องจากการที่กลุ่มชาวบ้านกรณีปัญหาสวนป่าคอนสาร กว่า 150 ครอบครัว ได้เข้าปักหลักชุมนุมตรวจสอบในพื้นที่ในบริเวณสวนป่าคอนสาร ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ในเขต ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ก.ค.52 เพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่าต้องการที่จะเข้ามาจัดการที่ดินทำกินดั้งเดิมของตนเอง หลังจากถูกอพยพ ขับไล่ออกจากที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย เพื่อนำพื้นที่ทั้งสิ้นกว่า 4,401 ไร่ มาปลูกสร้างสวนป่ายูคาลิปตัส ตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 โดยชาวบ้านยืนยันจะชุมนุมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการยกเลิกสวนป่าคอนสารและนำที่ดินมาจัดการโดยประชาชนในรูปแบบโฉนดชุมชน

ขณะที่การชุมนุมในพื้นที่ยังคงยืดเยื้อ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้ดำเนินการฟ้องขับไล่ชาวบ้านผู้เดือดร้อน และที่ปรึกษาเครือข่ายฯ รวม 31 คน ให้ออกจากพื้นที่พิพาทต่อศาลจังหวัดภูเขียว พร้อมกันนี้ได้ขอคุ้มครองชั่วคราวในการห้ามมิให้ขยายเขตพื้นที่ครอบครองออกจากพื้นที่เดิม ห้ามนำวัสดุสร้างที่อยู่อาศัย ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น และห้ามขัดขวางโจทก์ในการเข้าตรวจสอบ บำรุงดูแลพื้นที่สวนป่าพิพาท ซึ่งศาลอนุญาตตามคำขอ และได้นำหมายห้ามชั่วคราวมาติดในพื้นที่พิพาท วันที่ 28 ส.ค.52

จากสถานการณ์ดังกล่าวกลุ่มชาวบ้านเล็งเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบาย ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทั้งในระยะสั้น และการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งในกรณีสวนป่าคอนสาร ได้มีกระบวนการดำเนินงานคืบหน้ามาเป็นลำดับ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ที่กลุ่มชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้ติดตามกรณีปัญหาและมีข้อเรียกร้องให้ยกเลิกสวนป่าคอนสาร แล้วนำที่ดินมาจัดสรรให้กับราษฎร

ล่าสุด กลุ่มชาวบ้านมีข้อเสนอ 2 ข้อ คือ 1.ให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานสำรวจพื้นที่บริเวณที่จะผ่อนผันให้ชาวบ้าน สามารถทำประโยชน์ได้ก่อน 1,500 ไร่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการลงนาม เพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ 2.เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสั่งการให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ให้ถอนฟ้องชาวบ้านผู้เดือดร้อน รวมทั้งจัดการประชุมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ข้อยุติ

ทั้งนี้ นับเป็นเวลากว่า 48 วันแล้ว ที่ชาวบ้านได้เข้าไปรอคำตอบอยู่ในพื้นที่ จนกระทั่งมีการจัดตั้งชุมชนผู้เดือดร้อนขึ้น ชื่อว่า “ชุมชนบ่อแก้ว” แต่กระบวนการแก้ไขปัญหายังคงเป็นไปอย่างล่าช้า โดยภายหลังจากการชุมนุมเพื่อรอคำตอบในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ส.ค.52 นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านผู้เดือดร้อน ณ ห้องประชุมพญาแล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อรับฟังสภาพปัญหา กระบวนการแก้ไขปัญหา และแนวทางการทำงาน จากนั้นได้ลงพื้นที่พิพาท บริเวณสวนป่าคอนสาร

ผลการประชุมร่วมในพื้นที่ได้กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ห้ามมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดำเนินการโดยเด็ดขาด และให้มีการนัดประชุมเพื่อทำบันทึกข้อตกลงอีกครั้งในวันที่ 4 ส.ค.52 ณ ห้องประชุมอำเภอคอนสาร

ต่อมาในวันที่ 4 ส.ค.52 ผู้แทนชาวบ้าน และหน่วยงานราชการในพื้นที่ ได้แก่ ปลัดอาวุโสอำเภอคอนสาร (รักษาราชการแทนนายอำเภอคอนสาร) เจ้าหน้าที่สวนป่าคอนสาร หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่า (ชย.4) ได้ร่วมประชุมหารือ และจัดทำบันทึกข้อตกลงในการไม่ใช้ความรุนแรง และสร้างสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง รวมทั้งให้หัวหน้าสวนป่าคอนสารรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา

จากนั้นในวันที่ 5 ส.ค.52 นายนิพนธ์ บุญภัทโร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ปัญหาสวนป่าคอนสาร เพื่อรับฟังปัญหา และกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมีข้อสรุปคือ ให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามนโยบายกระจายการถือครองที่ดิน โดยมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบขอบเขตที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน เนื้อที่ 1,500 ไร่ ตามมติประชาคมตำบลทุ่งพระ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวยังไม่ได้มีการดำเนินการจนกระทั่งปัจจุบัน ถึงแม้ผู้แทนชาวบ้านผู้เดือดร้อนจะมีการประสานงานโดยตลอดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เจตนารมณ์ในการจัดการที่ดินและทรัพยากร รวมทั้งการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้ปรากฏเป็นจริงได้ อีกทั้งเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนตามนโยบายรัฐบาล เมื่อวันที่ 29-30 ส.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกชุมชนบ่อแก้วจึงกำหนดจัดทำบุญผ้าป่าเพื่อระดมทุนจัดตั้งกองทุนโฉนดชุมชนและการพัฒนาระบบเกษตรกรรมอินทรีย์ขึ้น ณ บริเวณชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net