Skip to main content
sharethis

คกก.ไอซีทีสรุปผลสอบสวนตามคำพิพากษาคดียึดทรัพย์พบไทยคมผิดสัญญาดาวเทียม เตรียมส่งรายงานให้ "ระนองรักษ์" พิจารณา ด้าน ทีดีอาร์ไอ ติงรัฐบาลยกเลิกสัญญากับ "ไทยคม" ต้องรอบคอบ-โปร่งใส ส่วนไทยคมยันทำตามสัญญา-รายงานไอซีทีตลอด และ PTV ไม่ได้ส่งสัญญาณผ่านไทยคมแล้ว

 28 เม.ย. 53 – ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บริษัทไทยคมมีท่าทีไม่ตอบสนองต่อการดูแลความมั่นคงของประเทศอย่างเต็มที่ จึงได้ขอให้กระทรวงไอซีทีพูดคุยกับผู้บริหารไทยคม หากพบว่าไทยคมทำผิดสัญญาก็สามารถดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามสัญญา เพื่อลดการใช้สื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงสร้างความวุ่นวายมากขึ้น แต่ถ้าบังคับไม่ได้ก็จะเป็นเงื่อนไขให้บอกเลิกสัญญา นอกจากนี้จะหารือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่พบว่ามีการทำผิดกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเผยแพร่ข่าวผ่านเครื่องส่งโทรทัศน์ที่ผิดกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแก้สัญญาสัมปทานมือถือและดาวเทียม ตามคำพิพากษา คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 4.6 หมื่นล้านบาท เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 เม.ย. นี้ คณะกรรมการจะประชุมเพื่อสรุปผลการสอบสวนทั้งหมด ก่อนส่งรายงานทั้งหมดให้ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว. ไอซีที พิจารณา

ทั้งนี้ประเด็นการสอบสวนข้อเท็จจริงจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สามารถใช้กระบวนการทาง กฎหมายจัดการกับไทยคมได้ เพราะทางศาลฎีกาได้พิพากษาแล้วว่า ไทยคมผิดจริงกรณีเปลี่ยนสเปกดาวเทียมไทยคม 4 หรือ ไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียม เพื่อรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ไม่ใช่ดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ตามที่ระบุในสัญญาสัมปทาน

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการ จะดำเนินการในส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ เช่น การฟ้องร้อง ส่วนการเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ ยิงไอพีสตาร์นั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช.)

กรณีที่ทางไทยคมไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลโดยปล่อยให้ช่องพีเพิล ชาแนลกลับมาออกอากาศได้นั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะต้องพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะทางไทยคมชี้แจงว่าได้ตัดสัญญาณหมดแล้ว ซึ่งการที่ พีทีวียังออกอากาศได้ เพราะผ่านคลื่น ยูเอชเอฟ จึงไม่เกี่ยวกับไอซีทีแล้ว

ทีดีอาร์ไอ ติงรัฐบาลยกเลิกสัญญากับ "ไทยคม" ต้องรอบคอบ-โปร่งใส

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณายกเลิกสัญญาสัมปทานดาวเทียมกับ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณารายละเอียดใน 2 ประเด็นหลัก คือ

1.สัญญาที่มีอยู่เปิดช่องให้ทำได้หรือไม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร เมื่อยกเลิกแล้วต้องมีการชดเชยเกิดขึ้นหรือไม่ หากไม่ยกเลิก จะใช้วิธีการซื้อหุ้นกลับคืนมาได้หรือไม่ รายละเอียดเหล่านี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภาย หลัง

2.สถานการณ์ในขณะนี้มีความสุกงอมเพียงพอที่จะตัดสินใจแก้ไขปัญหาโดยใช้ วิธีการยกเลิกสัญญาหรือไม่ มีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างอื่นได้หรือเปล่า เพราะการยกเลิกสัญญา หากคู่สัญญายินยอมทำตามด้วยความสมัครใจคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ใช่ กระบวนการจะยิ่งทำได้ยากมากขึ้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลอ้างเหตุยกเลิกสัมปทานเพราะไทยคมไม่ให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นคน เสื้อแดง โดยอาศัยสัญญาข้อ 43 ซึ่งระบุเรื่องความมั่นคงของชาติ หรือเพื่อการดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมาย นายสมเกียรติกล่าวว่า สัญญาที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไทยคมมีความซับซ้อนมาก เนื่องจากผู้ที่เป็นเจ้าของไทยคม คือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือสิงคโปร์ โดยไทยและสิงคโปร์มีสนธิสัญญาการลงทุนระหว่างกันอยู่ รัฐบาลจะทำอะไรต้องดูสนธิสัญญาฉบับนี้ประกอบด้วย เพราะเกี่ยวข้องกับความเชื่อถือในการลงทุนระหว่างกัน ต้องดูแลนักลงทุนไม่ให้มีผลกระทบ หากรัฐบาลยืนยันจะทำ จะต้องอธิบายให้ชัดเจนว่ามีเหตุผลความจำเป็นแค่ไหน ต้องนำหลักฐานทุกอย่างมาเปิดเผยเพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลมากที่สุด

"เข้าใจว่ารัฐบาลมองภาพการชุมนุมไปไกลถึงขั้นเป็นเรื่องก่อการร้ายไป แล้ว และคงเห็นว่ามีช่องกฎหมายสามารถทำได้ ซึ่งการมอบหมายให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรงอย่างกระทรวงไอซีทีหารือ กับคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่นอกเหนือจากเงื่อนไขในสัญญาข้อนี้แล้ว รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณารายละเอียดข้อกฎหมายอื่นประกอบด้วย เพื่อให้รัดกุมและรอบคอบมากที่สุด"

ไทยคมยันทำตามสัญญา-รายงานไอซีทีตลอด, PTV ไม่ได้ส่งสัญญาณผ่านไทยคมแล้ว

ด้าน น.ส.ธัญภัสร์ ช่วยชู ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยคม (THCOM) กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลต้องการให้ไอซีที ซึ่งเป็นคู่สัญญากับบริษัท เร่งบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทให้เป็นไปตามสัญญา และมีสิทธิที่จะบอกยกเลิกสัญญาได้หากบริษัทไม่ทำตาม

อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนล (PTV) ไม่ได้เป็นลูกค้าของบริษัทแล้ว จึงไม่ได้ทำการส่งสัญญาณให้ และทราบมาว่าทาง PTV ก็มีหลายช่องทางที่จะเผยแพร่รายการ ซึ่งทางบริษัทก็ได้ประสานงานกับไอซีทีตลอดเวลาอยู่แล้ว และในวันนี้ (28 เม.ย. 53) บริษัทจะทำหนังสือชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เกี่ยวกับกรณีทีมีกระแสข่าวดังกล่าว

"เราชี้แจงกับทางไอซีทีมาตลอด ซึ่งไอซีทีก็รับทราบ แต่ข่าวที่ออกมาเป็นรองนายกฯ พูดก็ต้องรอว่า รองนายกฯได้สังการไปที่ไอซีทีแล้วไอซีทีจะอธิบายหรือเปล่า หรือมีความเห็นอย่างไร และอีกอย่างที่บอกเราไม่ทำตามนั้นไม่ใช่ เราทำเพียงแต่ว่าจะมีขั้นตอนในการดำเนินการซึ่งได้อธิบายให้ไอซีทีไปแล้ว" น.ส. ธัญภัสร์ กล่าว
 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: โพสต์ ทูเดย์, มติชนออนไลน์, สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net