Skip to main content
sharethis

"พิศิษฐ์" ลงนามประกาศสำนักงานการตรวจการแผ่นดิน ส่งแจ้งหัวหน้าส่วนราชการทุกแห่ง อ้างความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ยัน “คุณหญิงจารุวรรณ” พ้นตำแหน่งแล้ว ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ

 
มติชนออนไลน์ รายงานวันนี้ (23 ส.ค.53) จากกรณีความวุ่นวายภายในสำนักการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ซึ่งมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ และครบกำหนดเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ยังคงปฏิบัตหน้าที่เป็น "ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน" อยู่นั้น
 
ล่าสุดนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่าการฯ สตง. ได้ทำหนังสือลงวันที่ 23 สิงหาคม 2553 แจ้งถึงหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานราชการทุกแห่งยืนยันว่า คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้พ้นจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอ้างถึงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้
 
 
เรื่อง แจ้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เรียน หัวหน้าส่วนราชการ ฯลฯ

ตามที่สำนักงานกรตรวจแผ่นดิน ได้หารือปัญหาการปฎิบัติหน้าที่ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้การตรวจเงินแผ่นดิน มีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยผลของกฎหมายตามความในมาตรา ๓๔(๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือไม่ นั้น
 
 
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้รับหนังสือจากงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา(คณะที่ ๑) ว่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว เนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ ตามความในมาตรา ๓๔ (๒) แห่งบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.๒๕๔๒ รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
  
ประกาศสำนักงานการตรวจการแผ่นดิน
เรื่อง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา พ้นจากผู้การตรวจเงินแผ่นดิน
 
ด้วย คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน จนถึงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มีอายุ ๖๕ ปีบริบูรณ์ อันเป็นเหตุแห่งการพ้นตำแหน่งของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๓๔ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๒๙ เรื่องแก้ไขประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๑๒ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๙ มิได้กำหนดยกเว้นเหตุแห่งการพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจการเงินแผ่นดินตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ดังนั้น คุณหญิงจารุวรรณเมณฑกา จึงต้องพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการตรวจการแผ่นดินตามกฤษฎีกา (คณะที่ ๑)ได้พิจารณาและมีความเห็นทางกฎหมายดังกล่าว
 
ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และไม่อาจเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแต่อย่างใด การใดที่คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้กระทำไปโดยอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือเป็นอำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ย่อมไม่ผูกพันสำนักการตรวจเงินแแผ่นดิน

จึงประกาศมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน 
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๓

ลงชื่อ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
 
 
 
 
ส.ว.จี้ รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเก้าอี้ผู้ว่าฯ สตง.
 
ขณะที่เนชั่นทันข่าว รายงานวันเดียวกันนี้ (23 ส.ค.53) ว่าในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ช่วงเปิดให้สมาชิกหารือ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา หารือปัญหาผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยขณะนี้มีความสับสนในสังคมรวมถึงใน สตง.เองว่า ใครมีอำนาจสั่งการใน สตง.กันแน่ เพราะที่กรรมการปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา และคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความไม่ตรงกัน ซึ่งผู้มีอำนาจทั้งสองคนใน สตง. (คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการสตง.) ต่างก็ยกความเห็นที่ต่างกันมาอ้าง 
 
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา มีอำนาจตีความปัญหากฎหมายในองค์กรอิสระได้หรือไม่ ต่อมาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 54 วุฒิสภา เชิญสตง.มาชี้แจงงบ ปรากฏว่า ทั้งคุณหญิงจารุวรรณ และนายพิศิษฐ์ ต่างส่งเอกสารมาชี้แจงทั้งคู่ กรรมาธิการตัดสินให้คุณหญิงจารุวรรณ ชี้แจงก่อนเพราะส่งหนังสือมาก่อน แต่เรื่องนี้ทิ้งไว้ยิ่งยุ่งยาก ส่งผลถึงการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณประเทศ ทางที่ดีรัฐบาลควรจะเร่งบรรจุร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่วุฒิสภาตีตก ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายืนยัน หากเห็นชอบก็ประกาศบังคับใช้ได้เลยโดยนายกรัฐมนตรีส่งทูลเกล้าฯ ใน 20 วัน ก็จะรวดเร็ว จึงขอให้เร่งผลักดันเรื่องดังกล่าวจะได้ยุติ
 
 
 
ที่มา: มติชนออนไลน์ และเนชั่นทันข่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net