จวกผู้นำไทย-จีน ดอดคุยหนุนโปแตช ย้ำทรัพยากรเป็นของชุมชน ต้องให้ชุมชนตัดสิน

นักวิชาการ-NGO ออกโรงโต้การหารือผู้นำทั้งสองประเทศ จวกนายกฯ เอาทรัพยากรของชุมชนออกไปเร่ขาย ร้องทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน-ประเทศชาติ เผยข้อมูลบริษัทจีนกำลังยื่นขอสำรวจแร่โปแตชใน จ.สกลนคร กว่า 120,000 ไร่

 
สืบเนื่องจากรายงานข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปหารือข้อราชการ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจสองประเทศ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีการพัฒนาแหล่งแร่โปแตชในประเทศไทยอยู่ด้วย
 
“เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งจีนยินดีอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจทั้งสองฝ่าย โดยขอให้ไทยอำนวยความสะดวกด้านข้อกฎหมายต่างๆ พร้อมทั้งขอให้สนับสนุนบริษัทจีนเข้าไปพัฒนาแร่โปแตสเซียมในไทยด้วย” เนื้อหาข่าวระบุ
 
วันนี้ (19 เม.ย.55) นายสันติภาพ ศิริวัฒนไพบูลย์ อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นักวิชาการที่ได้เฝ้าติดตามประเด็นปัญหาจากการประกอบการทำเหมืองแร่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ออกมาตอบโต้การหารือของผู้นำไทย-จีน กรณีการพัฒนาแหล่งแร่โปแตชในประเทศไทยว่า เรื่องมันไม่ใช่ว่านายกฯ จีนจะมาสั่งนายกฯ ไทยให้สยบยอมในการเปิดโอกาสให้สำรวจแร่โปแตช เพราะมันเป็นเรื่องของสิทธิชุมชน ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
 
นายสันติภาพ แสดงความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีไทยไม่ควรไปตกปากรับคำแทนประชาชน และแก้ระเบียบเปิดให้ต่างชาติเข้ามาทำการสำรวจแร่โปแตช เพราะทรัพยากรแร่นั้นเป็นของชุมชน การดำเนินการใดๆ ต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมให้อำนาจในการตัดสินใจกับชุมชน
 
“การที่นายกฯ กำลังทำอยู่เท่ากับว่าเอาทรัพยากรของชุมชนออกไปเร่ขาย และสิ่งสำคัญอย่าลืมไปว่า ท่านนายกฯ เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นนักธุรกิจ หน้าที่ที่สำคัญของนายกฯ คือปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ ไม่ใช่ไปตกลงทางธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง” นายสันติภาพกล่าว
 
นายสันติภาพ กล่าวต่อว่า ปัญหาเหมืองแร่ที่ผ่านมาซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข เนื่องมาจากเล่ห์เหลี่ยมของข้าราชการที่จะตอบสนองผลประโยชน์ให้กับนักการเมือง เมื่อชาวบ้านจับไม่ได้ ไล่ไม่ทันก็ต้องรับกรรมจากปัญหาที่จัดการไม่ได้ เช่นเหมืองทองที่ จ.เลย จ.พิจิตร และเหมืองคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ก็ยังเป็นปัญหาเก่าที่มีมานาน และสะท้อนให้เห็นถึงความด้อยประสิทธิภาพของระบบข้าราชการไทย
 
“รัฐน่าจะสร้างกลไกในการจัดการปัญหาให้เกิดความเรียบร้อย ทำให้เกิดความโปร่งใส สร้างการรับรู้ข้อมูลอย่างเท่าเทียม” นายสันติภาพกล่าว
 
ด้านสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศยกเลิกมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง ตาม พ.ร.บ.แร่ 2510 ในพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพื่อให้นายทุนสามารถยื่นคำขออาชญาบัตรในเขตพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อประกอบการเชิงพาณิชย์ และทำการผลิตแร่โปแตชได้ตามขั้นตอน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มี บริษัท ไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด จากประเทศจีน กำลังยื่นขอสำรวจหาแหล่งแร่โปแตชจำนวน 12 แปลง เนื้อที่ 120,000 ไร่ ใน อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร อยู่ในขณะนี้
 
นายสุวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่ผู้นำจีนอยากให้ประเทศไทยเร่งผลักดัน หรือสนับสนุนให้กับบริษัททำเหมืองแร่โปแตชของจีนนั้น ถือได้ว่าจีนกำลังแทรกแซงอธิปไตยของไทย ซึ่งรัฐบาลไทยเองจะต้องปกป้องไม่ใช่ไปเอื้อผลประโยชน์ให้ เพราะภาคอีสานไม่ใช่มณฑลหนึ่งของจีน ที่จะมาสั่งให้ทำอะไรก็ได้
 
“อยากถามกลับว่าผลประโยชน์จากการลงทุนจะเกิดกับชุมชน และประชาชนจริงหรือไม่ โดยเฉพาะการทำเหมืองแร่ที่ประเทศจีน ซึ่งมักจะมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานด้านวิศวกรรมที่ต่ำ เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลจะต้องมีการศึกษาและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ” นายสุวิทย์ กล่าว
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท