Skip to main content
sharethis

พรุ่งนี้ 21 ส.ค. 55 เวลาประมาณ 9.00 น. ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา รัชดา จะมีการไต่สวนกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ ชาว จ.ยโสธร ซึ่งถูกยิงบริเวณถนนราชปรารภ ใกล้แอร์พอร์ทลิงค์ ที่เป็นจุดประจำการของทหาร เมื่อหลังเที่ยงคืนวันที่ 14 พ.ค.ต่อกับวันที่ 15 พ.ค.53 จากกรณีที่มีการยิงสกัดรถตู้ที่เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว จะมีการเรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในช่วงเกิดเหตุและเป็นผู้แต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน  เป็นผู้กำกับการปฏิบัติการในขณะนั้น เข้าเบิกความต่อศาลตามคำร้องขอต่อศาลของนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความญาติผู้ตาย

โดยนายโชคชัย อ่างแก้ว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าได้มีการส่งหมายเรียกไปแล้ว แต่ต้องดูในวันพรุ่งนี้อีกทีว่านายอภิสิทธิ์ จะมาเบิกความหรือไม่

mso-fareast-font-family:"Times New Roman""> วันเดียวกัน  เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า  เวลา 13.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และอดีตผอ.ศอฉ. ให้สัมภาษณ์หลังการหารือร่วมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและฝ่ายกฎหมายของพรรค ว่า ขณะนี้ตนมีคดีความอยู่ศาลหลายคดี เช่น มีหมายศาลให้ไปเป็นพยานในคดีที่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมชื่อนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ชาวยโสธร ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมีเนียม ใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชปรารภ เมื่อ 15 พ.ค. 53 ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ผู้เสียชีวิตที่กำลังไต่สวนอยู่ในชั้นศาล โดยให้ตนไปให้ปากคำในวันที่ 21 ส.ค.นี้ แต่ตนทำหนังสือขอเลื่อนไปอีก 15 วันเพื่อเตรียมข้อมูล เนื่องจากเพิ่งได้รับหมายเรียกวันที่ 15-16 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งหมายเรียกที่กระชั้นชิด เพราะทนายของผู้เสียหายส่งหมายมาทางไปรษณีย์ แต่ก่อนหน้านั้นออกข่าวไปหลายวันแล้ว ซึ่งขั้นตอนการส่งหมายเรียกตนก็งงเหมือนกัน เพราะปกติศาลจะเป็นผู้ส่งหมายเรียกโดยไม่ต้องให้ทนายโจทก์เป็นผู้ส่ง

 นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หมายเรียกดังกล่าวเรียกให้ตนเป็นพยานฝ่ายทนายโจทก์ แต่กลับมีความพยายามเสนอข่าวให้ดูเหมือนว่าตนเป็นจำเลย ในคดีนี้นายอภิสิทธิ์ ได้รับหมายเช่นกัน และได้ส่งหนังสือเลื่อนการให้ปากคำเหมือนกันด้วย แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะมีนัยยะอะไร คอยทำใจให้เกลี้ยง ๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเรียกไปให้การด้วยนัยยะอะไรก็แล้วแต่ทั้งพยานโจทก์หรือเป็นโจทก์เอง เราก็จะพูดแต่ในสิ่งที่เรารู้ เห็นและปฏิบัติ

 “เรื่องนี้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ผมยืนหยัดต่อสู้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง โดยไม่ได้หารือกับอดีตศอฉ. รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ด้วย เพราะรัฐบาลและร.ต.อ.เฉลิม มีเป้าหมายผมและนายอภิสิทธิ์เท่านั้น จึงไม่ต้องเป็นห่วงกรรมการศอฉ.คนอื่น รวมถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะเขาย้ายข้างไปแล้ว ส่วนเรื่องนี้จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อมวลชนอย่างไรนั้น ถือเป็นเรื่องที่ต้องแยกออกจากกัน แต่ผมเป็นห่วงประชาชน เพราะรัฐบาลพูดข้างเดียว ร.ต.อ.เฉลิมก็พ่นอยู่ข้างเดียว ใส่ร้ายป้ายสีทุกวัน ขอเรียกร้องประชาชนให้เปิดใจฟังเรื่องนี้ เพราะเขาพยายามใส่ร้ายทหาร เพื่อโยนความผิดให้กับผมและนายอภิสิทธิ์ ทั้งที่ผมและนายอภิสิทธิ์ ไม่เคยสั่งการให้มีการฆ่าประชาชน ผมมั่นใจว่าจะสู้ได้ด้วยความจริง” นายสุเทพ กล่าว

 เมื่อถามว่ามักจะมีคำขู่ว่าจะเอานายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เข้าคุกให้ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กลัว ถ้าต้องติดคุกเพราะเราตั้งใจดีต่อบ้านเมืองก็ให้มันรู้ไป แต่ก็ยอมรับว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่การเขียนประวัติศาสตร์ใหม่โดยคนชนะ แต่ไม่มีใครลบความจริงได้ เพราะประชาชนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งประเทศ มีหลักฐานมากมาย แต่ขณะนี้มีความพยายามไม่พูดถึงชายชุดดำ แต่เป็นเรื่องที่เราต้องพูด ถ้าดีเอสไอจงใจบิดเบือนข้อมูลเพื่อเอาใจรัฐบาลและร.ต.อ.เฉลิม ตนจะดำเนินคดีกับดีเอสไอ  mso-fareast-font-family:"Times New Roman"">




แผนที่จุดเกิดเหตุ จาก ศปช. http://www.pic2010.org/airportlink/

 

สำหรับการไต่สวนในคดีนี้มีพยานข้ามาเบิกความหลายปากแล้ว โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค.55 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สมิต นันท์นฤมิตร พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ จาก สน.พญาไท ได้มาเบิกความด้วยว่า วันเกิดเหตุ หลังจากที่ผู้ตายนำรถแท็กซี่ไปส่งที่อู่ แล้วเดินกลับที่พัก แต่ไม่สามารถกลับได้จึงไปพักกับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่คอนโด Ideo ขณะเกิดเหตุมีเสียงทหารประกาศเตือนรถตู้ของนายสมร ไหมทอง ที่ขับเข้ามาบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้เข้ามา หลังจากนั้นมีการยิงสกัดรถตู้ ทำให้นายพันที่อยู่บริเวณนั้นด้วยถูกยิงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ผลการตรวจหัวกระสุนในร่างผู้ตายและนายสมรผู้บาดเจ็บ เป็นกระสุนปืนความเร็วสูง และทหารมีกระสุนชนิดนี้ใช้ พร้อมทั้งในพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในการควบคุมของทหาร และจากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่าแนวบังเกอร์ทหาร รถตู้นายสมรที่ถูกยิง และบริเวณสำนักงานขายคอนโด Ideao ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายอยู่เป็นจุดที่แนววิถีตรงกัน พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้จึงได้เบิกความต่อศาลถึงการสรุปสำนวนคดีนี้ว่า นายพัน คำกองเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ยิงรถตู้นายสมร ไหมทอง แล้วพลาดไปโดน 

น้องอีซา อายุ 12 ปี ถูกลูกหลงให้เหตุการณ์เดียวกัน
เหตุการณ์เดียวกันนี้นอกจากนายพัน คำกอง ที่บาดแผลกระสุนปืนความเร็วสูงบริเวณต้นแขนทำให้เส้นเลือดแดงฉีกขาดจนทำให้เสียชีวิตแล้ว ยังมี ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 12 ปี ถูกลูกหลงกระสุนปืนความเร็วสูงบริเวณหลังเสียชีวิต ด้วย จากรายงานข่าวของ ธนานุช สงวนศักดิ์ ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ได้รายงานสดจากที่เกิดเหตุผ่านรายการเก็บตกเนชั่น (http://www.youtube.com/watch?v=JBCyoTDdJok )ว่า  “มีการประกาศแล้ว มีการยิงด้วยกระสุนยางแล้ว แต่ว่าคุณสมร (คนขับรถตู้) ก็ยังขับมา ตนอยู่ตรงนั้นตรงที่เกิดเหตุจริงก็ฝ่าฝืนขับเข้ามาชนตรงรั้วลวดหนาม  ก็เลยมีการระดมยิงเข้าไป  คุณสมร  ไหมทอง  ก็เลยได้รับบาดเจ็บ  แต่นอกจากคุณสมรแล้ว ตรงนี้ยังมีเด็กอีก 1 คน ซึ่งไม่ทราบชื่อเสียชีวิตด้วย (ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ) เพราะถูกลูกหลง เด็กคนนี้จะมานอนเล่นแถวบังเกอร์ของทหาร ช่วงแรกทหารก็มีการไล่ให้กลับไปบ้าน แต่ก็ไม่กลับ พอดีมีการระดมยิงเข้าไปเด็กคนนี้ก็เลยเสียชีวิตด้วย นอกจากเด็กคนนี้แล้วยังมี คุณพัน คำกอง เสียชีวิตด้วย”

บริเวณจุดเกิดเหตุ หน้าสำนักงานขาย คอนโด Ideao :


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

หมายเหตุ มีการเพิ่มเติมเนื้อหาข่าวเวลา 21.00 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net