Skip to main content
sharethis

อดีต ผอ.ศอฉ.เบิกความ ไต่สวนการตาย “ชาญณรงค์” อ้าง รายงาน คอป.ไม่ระบุเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ณัฐวุฒิ ยัน สลายการชุมนุมไม่ปฏิบัติตามหลักสากล เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลใช้พลซุ่มยิงผู้ชุมนุมทางการเมือง ศาลนัดฟังคำสั่ง 26 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 55 ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา รัชดา ศาลนัดไต่สวนคำร้องคดีดำ อช.1/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นคำร้องไต่สวนชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตายของนายชาญณรงค์ พลศรีลา คนขับรถแท็กซี่เสื้อแดงที่ถูกยิงและเสียชีวิตบริเวณหน้าปั้มเชลล์ ถนนราชปรารภ เมื่อบ่ายวันที่ 15 พ.ค.53 ช่วงที่มีการกระชับวงล้อมผู้ชุมนุมเสื้อแดงโดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความญาติผู้ตาย นำพยานเบิกความรวม 2 ปากนัดสุดท้าย คือ นายสุเทพ เทือกบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.

โดยนายสุเทพ เทือกบรรณ เบิกความเป็นปากแรกสรุปว่า ขณะที่เป็นผอ.ศอฉ. ได้ออกคำสั่ง 1/2553 เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์สำหรับสลายชุมนุมตามมาตรฐานสากล คือ โล่ , กระบอง , กระสุนยางซึ่งใช้ปืนลูกซองยิง , แก๊สน้ำตา , รถฉีดน้ำ และเป็นการปฏิบัติตามหลักมาตรการสากล 7 ขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ภายใต้อำนาจและการดูแลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ระหว่างปฏิบัติการต่างๆ มีการประชุม ศอฉ.ทุกวันเช้า-เย็น แต่พยานไม่เคยมีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือจากที่เคยให้เป็นแนวทางของ ศอฉ. ส่วนการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ มีทั้งกำลังตำรวจและทหาร ในหลายพื้นที่เพื่อสกัดคนไม่ให้เข้าไป รวมทั้ง ให้ตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ชุมนุม เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมมีความสะดวกสบาย อีกด้วย ขณะที่การพกอาวุธปืนจะให้เฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่สามารถมีปืนพก ปืนเล็กยาว และกระสุนจริงได้ เพื่อป้องกันตนเองและประชาชน โดยไม่กระทำให้มีผลแก่ชีวิต

นายสุเทพ เบิกความว่า ส่วนการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 ที่บริเวณราชปรารภ ขณะเกิดเหตุยังไม่ทราบรายละเอียด แต่มาทราบภายหลังเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวบรวมข้อมูลการเสียชีวิต 13 ศพ ที่ดีเอสไอมีความเห็นไม่ตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ แต่ในส่วนของสตช.ได้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการชันสูตรศพขึ้นมาเฉพาะ ระบุว่าไม่ทราบว่าการเสียชีวิตเกิดจากฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ และเกิดจากทิศทางใด ซึ่งตนก็ได้นำข้อมูลนี้ไปชี้แจงเมื่อครั้งถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ส่วนรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มีการระบุถึงการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ไว้ แต่ตนไม่เห็นข้อความที่ระบุว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เบิกความเป็นพยานปากที่สอง สรุปว่า กลุ่ม นปช.ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.53 ตั้งเวทีที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากกินพื้นที่ถึงบริเวณถนนราชดำเนินนอกและราชดำเนินกลาง กระทั่งวันที่ 10 เม.ย.53 รัฐบาล โดย ศอฉ. นำกำลังทหารออกจากที่ตั้งพร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนยาว โล่และกระบอง พร้อมรถถัง เข้าปราบปรามผู้ชุมนุม โดยไม่ปฏิบัติตามหลักสากล โดยใช้เฮลิคอปเตอร์บินโยนแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม มีการใช้พลแม่นปืนใช้อาวุธปืนความเร็วสูงติดลำกล้อง ยิงผู้ชุมนุมกระสุนเข้าที่ศีรษะและอวัยวะสำคัญ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลใช้พลซุ่มยิงผู้ชุมนุมทางการเมือง ไม่เคยมีรัฐบาลใดกระทำมาก่อนหลังจากนั้นได้ยุบเวทีปราศรัยที่สะพานผ่านฟ้าไปรวมที่เวทีราชประสงค์เวทีเดียว

โดยประมาณวันที่ 14 พ.ค.53 มีความตรึงเครียด เนื่องจาก ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่ทหารตั้งด่านตรวจค้นรอบพื้นที่ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเข้าพื้นที่ชุมนุมได้ และมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารปะทะกับผู้ชุมนุมและมีการซุ่มยิงประชาชนเสียชีวิตหลายราย ซึ่งในส่วนของนายชาญณรงค์ ผู้ตายคดีนี้ ทราบจากข่าวสื่อมวลชนว่า ถูกยิงชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 ซึ่งเกิดนอกพื้นที่ชุมนุม ซึ่งบริเวณดังกล่าวนอกจากผู้ตายแล้ว ยังมีผู้อื่นถูกยิงเสียชีวิตอีกหลายราย

ภายหลังนายณัฐวุฒิ เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ทนายความญาติผู้ตายแถลงหมดพยาน ศาลจึงนัดฟังคำสั่งคดีนี้ในวันที่ 26 พ.ย. นี้ เวลา 09.00 น.

กรณีไต่สวนการตายของนายชาญณรงค์ พลศรีลา จากการสลายการชุมนุมเมษา – พ.ค.53 นั้นจะเป็นคดีที่ 2 ที่ศาลจะมีคำสั่ง ต่อจากกรณีนายพัน คำกอง ที่ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในคดีดังกล่าวคำสั่งศาลระบุว่าพยานหลักฐานทั้งหมดชี้ว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนขนาด.223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่ร่วมกันยิงไปยังรถตู้ที่วิ่งเข้ามายังพื้นที่หวงห้ามแล้วกระสุนไปโดนผู้ตายที่ออกมาดูเหตุการณ์ ทั้งนี้ ให้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

ศาลสั่งไต่สวนการตายคดีแรก "พัน คำกอง" เสียชีวิตจากทหาร

'สรรเสริญ'-2 นายทหารเบิกความไต่สวนการตาย 'ชาญณรงค์'

ทบ.แจงติดป้าย "เขตการใช้กระสุนจริง" เพื่อไม่ให้ปชช.เข้ามา แม้แต่ทหารยังถูกโต้ด้วยกระสุนจริง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net