Skip to main content
sharethis

เครือข่ายครอบครัวรณรงค์หยุดการพนัน ขอ '3 จี' ปราศจากอบายมุข จี้แผนการคุ้มครองผู้บริโภคต้องจัดเต็มชัดเจน กสทช.ประวิทย์ แจงยังไม่มีแผนคุ้มครองผู้บริโภคบริษัทใดผ่านการพิจารณาของบอร์ด


ภาพโดย sampsyo  (CC BY 2.0)

 

นายอิมรอน เชษฐวัฒน์ เครือข่ายครอบครัวรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า ขณะที่กระแสสังคมกำลังให้ความสำคัญกับค่าบริการ 3 จี อยู่นี้ ในฐานะตัวแทนของเครือข่ายครอบครัวรณรงค์หยุดการพนัน ขอให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการป้องกันเด็กและเยาวชนจากข้อมูลที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องการพนัน ผ่านการใช้บริการ 3 จี เนื่องจากครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ที่แต่ละบริษัทเพิ่งเริมเปิดให้บริการ จึงควรตั้งเป้าหมายเริ่มต้นเพื่อทำให้ถนนข้อมูลข่าวสารของ เอไอเอส ดีแทคและทรูมูฟ เอช หรือแม้แต่ทีโอที สะอาดและปราศจากการพนัน เพราะแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน เป็นทั้งโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ดังนั้นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์หรือทำธุรกิจในเรื่องนี้และมีความสามารถที่จะป้องกันได้ รวมถึง กสทช. ผู้กำหนดกติกาจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้อย่างจริงจังและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

“หนทางที่เป็นไปได้คือ แผนการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีมาตรการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสมของผู้ให้บริการ 3 จี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กสทช.นั้น ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจน เช่น มาตรการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสม ต่อเด็กและเยาวชน หรือ มาตรการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสม กรณีการพนัน ถ้าทำได้จะเป็นสง่าราศีของประเทศ เป็นการประกาศต่อโลกว่าผู้ใหญ่ประเทศนี้ให้ความสำคัญและปกป้องเด็กและเยาวชน ซึ่งธุรกิจและหน่วยงานกำกับควรดำเนินการให้เห็น เพราะเรากำลังพูดถึงเด็กและเยาวชนที่ยังขาดวุฒิภาวะ ไม่เท่าทัน กลยุทธ์การหลอกล่อในรูปแบบต่างๆ” ตัวแทนเครือข่ายครอบครัวรณรงค์หยุดการพนันกล่าว

ด้าน นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวถึงปัญหาการพนันออนไลน์กับการให้บริการ 3 จี ว่า การให้บริการ 3 จี จะทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นจึงมีโอกาสที่จะเกิดข้อความเชิญชวนด้วยข้อความที่เรียกว่า พหุสื่อ มัลติมีเดีย ซึ่งจะทำให้ดูน่าสนใจ และมีการให้บริการคอนเทนต์มากขึ้น ในการให้บริการ 2 จี นั้น บริการหลักคือ เสียงและเอสเอ็มเอส แต่ในการให้บริการ 3 จี นั้น บริการเสริมจะกลายเป็นรายได้หลัก ด้วยลักษณะการส่งข้อความที่เป็นพหุสื่อ มีคลิป มีเพลง หรือแม้แต่การเล่นอินเทอร์แอคทีฟ ดังนั้นจึงพบว่า การพนันทั้งธุรกิจและบ่อนทั้งหลายจึงใช้ช่องทางนี้ เช่น การเปิดบ่อนออนไลน์ ซึ่งเมื่อมีบริการ 3 จี หากมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถเล่นอินเทอร์แอคทีฟได้ ใส่ซิม 3 จี ต่อเน็ต ก็สามารถเล่นบ่อนออนไลน์ที่อาจอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านหรืออยู่คนละทวีปก็ได้

“คนที่เล่นพนันออนไลน์จะไม่นิยมการรับส่งข้อมูลความเร็วต่ำ เพราะหากเกิดภาพสะดุดเพราะสัญญาณช้า คนเล่นจะไม่แน่ใจว่าถูกโกงหรือเปล่า จึงต้องการเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลความเร็วสูง เป็นเหตุให้การให้บริการ 3 จี จะเป็นช่องทางของการพนันออนไลน์มากขึ้นและแพร่หลายมากขึ้น เพราะ 3 จี จะเป็นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของคนทั่วไป รวมถึงเด็กและเยาวชน ขณะที่ในยุคบริการ 2 จี จำนวนคนเล่นเน็ตผ่านมือถือยังอยู่ในวงจำกัด แต่ในยุคนี้การเล่นเน็ตผ่านมือถือจะเป็นมาตรฐานทั่วไปของการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่” นายประวิทย์กล่าว

นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า บริการ 3 จี จึงทำให้อินเทอร์เน็ตอาจเป็นประตูไปสวรรค์หรือนรก ทางหนึ่งสำหรับผู้ใช้บริการคือ การปรึกษา พูดคุย สิ่งที่พบเห็นหรือสงสัยในโลกออนไลน์กับครอบครัว ผู้ปกครองหรือครูแล้วนำข้อมูลนั้นมาแลกเปลี่ยนหรือเตือนกัน สำหรับหน่วยงานกำกับดูแลนั้น เนื่องจากปัญหานี้เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน สิ่งผิดกฎหมาย และกิจการโทรคมนาคม ดังนั้นจึงต้องมีผู้รับผิดชอบหลายฝ่าย คือ กระทรวงไอซีที กรมการปกครอง ธนาคารแห่งประเทศไทย และ กสทช. สำหรับ กสทช.กำกับดูแลผู้ให้บริการ ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องร่วมมือกัน
 
"การเล่นพนันออนไลน์มีการหักเงินและวิธีการหักเงิน หรือรับชำระเงิน หากเป็นการหักผ่านค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ถือว่า ผู้ให้บริการหักเงินที่ผิดกฎหมาย หรือแม้แต่หักผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเงินสด หากเป็นของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ กสทช.ก็ต้องเข้าไปดูแล สุดท้ายคือ ผู้ให้บริการข้อมูลหรือ CP ซึ่งเป็นคู่สัญญาของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีส่วนร่วมในการโฆษณาพนันหรือไม่ เช่น การส่งข้อความแจ้งเว็บไซต์การพนัน และตามกฎหมายไทยแม้แต่การโฆษณาก็ถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น ทั้งสามค่ายผู้ให้บริการต้องตรวจสอบพันธมิตรทางธุรกิจว่า มีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุนการเล่นการพนันหรือไม่ รวมถึงระงับบริการของผู้ให้บริการที่ไม่ชอบเหล่านี้ไป" กสทช.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคกล่าว

นายประวิทย์กล่าวต่อไปว่า ในช่วงนี้แต่ละบริษัทอยู่ระหว่างการเสนอแผนการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งผู้ให้บริการ 3 จี ทั้ง 3 รายจะต้องส่งแผนให้ กสทช.พิจารณาและยังไม่มีบริษัทใดผ่านการพิจารณาจากบอร์ด เนื่องจากสำนักงาน กสทช. ยังไม่ได้นำแผนการคุ้มครองผู้บริโภคฉบับเต็มของบริษัทให้บอร์ดพิจารณา ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่มีของบริษัทใดผ่านการพิจารณาเรื่องแผนการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แต่ละบริษัทควรเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมและตรงต่อปัญหากรณีการจัดการกับบริการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงเอสเอ็มเอสชิงโชค จนไปถึงเรื่องพนันออนไลน์ทั้งหลายด้วย

ด้านนายพงศ์ธร จันทรัศมี ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนสังคมและนโยบายสาธารณะเพื่อลดปัญหาการพนัน กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาการพนันผ่านอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมนั้นเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายแห่ง ดังนั้นเพื่อการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาในระยะยาวจึงควรมีการตั้งคณะทำงานหรือคณะกรรมการร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาร่วมทั้งกำหนดแนวทางที่แต่ละหน่วยงานควรต้องดำเนินการ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net