สมาคมต้านโลกร้อนจี้รัฐเรียกค่าเสียหาย ปตท.กรณีน้ำมันรั่วอ่าวไทย

จากเหตุน้ำมันรั่วจากท่อส่งน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ PTTGC ในเครือ ปตท.  กลางทะเล จ.ระยอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ส่งผลมีคราบน้ำมันกระจายตัวบนผิวน้ำเป็นวงกว้าง

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน โดยนายศรีสุวรรณ  จรรยา นายกสมาคมฯ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐเรียกค่าเสียหายทางทรัพยากรแทนประชาชนกรณีดังกล่าวจากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) ตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่ง พรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 โดยทันที พร้อมกับนำเงินดังกล่าวจัดตั้งกองทุนดูแล ชดเชย อาชีพของชาวประมง และอาชีพต่อเนื่อง ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน

อนึ่ง ในแถลงการณ์ระบุ หากหน่วยงานที่รับผิดชอบละเว้น เพิกเฉยสมาคมฯจะใช้สิทธิฟ้องศาลเพื่อบังคับให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายข้างต้น

 
 
 
 
***********************************************************************************
 
แถลงการณ์
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
เรื่อง รัฐต้องเรียกค่าเสียหายทางทรัพยากรแทนประชาชนกรณีท่อน้ำมันรั่วกลางอ่าวไทย
..................................
 
ตามที่เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุท่อรับน้ำมันดิบ G 67 ขนาด 16 นิ้วรั่ว ที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบ (Single Point Mooring)  ขณะกำลังมีการส่งน้ำมันมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เกิดการรั่วไหลออกมาอย่างมหาศาลมากกว่า 50 ตันหรือ 50,000 ลิตรนั้น
 
คราบน้ำมันดังกล่าวจะมีผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง กระทบต่อการดำรงชีพของสัตว์ทะเล อาทิเช่น วงจรของปลาทู กระทบต่ออาชีพของชาวประมง กระทบต่อระบบการท่องเที่ยว เพราะคราบน้ำมันจะถูกคลื่นซัดมาถึงชายหาดพื้นที่ท่องเที่ยวได้ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยชัดแจ้ง ฯลฯ
 
แม้บริษัทดังกล่าวได้ดำเนินการใช้เรือฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน 4 ลำพร้อมน้ำยาขจัดคราบน้ำมันจำนวน  35,000 ลิตร แม้จะไปแยกสลายคราบน้ำมันดังกล่าวบนพื้นผิวทะเลให้จมลงแล้วก็ตาม แต่ทว่าน้ำยาขจัดคราบน้ำมันกลับจะเป็นพิษต่อความหลากหลายทางชีวภาพของทะเล เพราะสารอันตรายดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะบริเวณก้นทะเลที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ของสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นห่วงโซ่อาหารของสิ่งมีชีวิต กุ้ง หอย ปู ปลา ที่เป็นอาหารของมนุษย์ทั้งหมด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และอาชีพประมงของชาวบ้านทั้งระบบในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย หาใช่พื้นที่ทะเลมาบตาพุดแต่เพียงแห่งเดียวไม่
 
ดังนั้น สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ต้องเป็นธุระในการดำเนินการเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไป ซึ่งเป็นทรัพยากรของของชาติจากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) แทนประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียโดยทันที ตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่ง พรบ.สิ่งแวดล้อม 2535 โดยทันที พร้อมกับนำเงินดังกล่าวจัดตั้งกองทุนดูแล ชดเชย อาชีพของชาวประมง และอาชีพต่อเนื่อง ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันดังกล่าว
 
อนึ่ง หากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ละเว้น เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องนี้ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบดังกล่าว ในการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายข้างต้นต่อไป รวมทั้งการร้องเอาผิดทางวินัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นเพิกเฉยต่อเรื่องดังกล่าวตามกฎหมายต่อไป
 
ประกาศมา ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2556
 
นายศรีสุวรรณ  จรรยา
 
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท