กลุ่มญาติผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 53 นำโดยนางพะเยาว์และนายพันศักดิ์ แถลงข่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯหลังผ่าน กมธ. แก้ไขนิรโทษกรรมครอบคลุมทุกฝ่าย ยกเว้น 112 จี้นิรโทษประชาชนอย่างเดียว หรือไม่ก็ให้สิทธิประกันตัว อย่าสานต่อวัฒนธรรมผู้สั่งการไม่ต้องรับผิด
แถลงการณ์กลุ่มญาติผู้สูญเสียฯคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ
ตามที่ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้มีมติแก้ไข เนื้อหาในมาตรา 3 ของร่างเดิมที่ นายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและคณะเสนอ เป็น
“…ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112…”
กลุ่มญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง พ.ศ. 2553 มีความเห็นว่าการแก้ไขข้อความในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นกรรมาธิการเสียงข้างมากมีเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แลกเปลี่ยนกับการนิรโทษกรรมทหารที่กระทำความผิดในการสังหารหมู่ประชาชน ตลอดจนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและประธานศูนย์อำนวยการเยียวยาสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะนั้น การแก้ไขข้อความดังกล่าว แสดงให้สังคมเห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยฟังเสียงประชาชน โดยเฉพาะญาติผู้เสียหายฯ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ที่ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเพื่อพิสูจน์ทราบความจริง และนำความจริงนั้นกลับคืนสูงสังคม เพราะมีแต่ความจริงเท่านั้นที่จะนำพาสังคมโดยรวมกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ เข้าอกเข้าใจกันได้อย่างแท้จริง
การแก้ไขข้อความดังกล่าว เน้นย้ำความสงสัยของสังคมต่อพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ต่อข้อครหาเรื่องการดำเนินการตามใบสั่ง ความมุ่งหวังที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกลับบ้านโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ เพิกเฉยต่อกระบวนการยุติธรรม เห็นประชาชนเป็นเพียง “เบี้ย” ที่ใช้เดินเพื่อบรรลุผลและสมประโยชน์ทางการเมืองของตนเท่านั้น ขณะเดียวกัน เป็นที่น่าสังเกตว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยและเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนกลับแสดงเจตนารมณ์ว่าต้องการพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม แม้จะสามารถมองว่าเป็นเทคนิคทางการเมือง แต่การแสดงเจตนารมณ์นั้นย่อมเป็นการผูกมัดตัวเองกับประชาสังคมในที่สุด
การผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้มีผลบังคับใช้ตามเนื้อหาดังกล่าว ยังเป็นการปิดกั้นโอกาสอันน้อยนิดในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในศาลอาญาระหว่างประเทศ จากการผ่านกฎหมายภายในประเทศอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ กลุ่มญาติผู้เสียหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย. – พ.ค. 2553 จึงขอเสนอต่อรัฐบาลอันมีพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมาก ดังต่อไปนี้
1. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องฟังเสียงประชาชนในการแก้ไขข้อความในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับความผิดในการสังหารหมู่ประชาชนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งการไต่สวนการตาย กรณีนายพัน คำกอง, นายชาญณรงค์ พลศรีลา, นายชาติชาย ซาเหลา, ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ รวมถึงกรณี 6 ศพ วัดปทุมฯ ว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะมีแต่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้นที่จะนำความจริงกลับสู่สังคม อย่างไรก็ตาม กลุ่มญาติฯยินดีที่จะสนับสนุนร่างนิรโทษกรรมใดใดนั้น จะมีผลต่อการนิรโทษกรรมประชาชนอันเกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองเท่านั้น
2. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเร่งรัดมาตรการทางนโยบายในการให้นักโทษการเมืองได้รับสิทธิ ในการประกันตัวอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องสงสัยตามหลักสิทธิมนุษยชน
3. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องมีมาตรการเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมกับคดีสังหารหมู่ประชาชนที่ศาลมีคำสั่งกรณีการไต่สวนการตายในแต่ละสำนวนแล้วว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายมาจากเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้าจนเป็นเหตุให้การสืบค้นความจริงคลาดเคลื่อนไป
4. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะต้องย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ จากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และให้พ้นจากหน้าที่หัวหน้าคณะผู้สอบสวนกรณีเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชน พ.ศ.2553 เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง
5. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะต้องจัดตั้งคณะทำงานในการเร่งรัดกระบวนการยุติธรรมในคดีสังหารหมู่ประชาชน ประกอบด้วยบุคลากรจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ แพทย์ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมรวดเร็วขึ้น
ข้อเสนอทั้ง 5 อยู่บนหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ที่มีกระบวนการพิสูจน์ทราบความจริงตามกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีภาระหน้าที่ในการตอบคำถามประชาชน มากกว่าที่จะกระทำการโดยอิงแอบกับผลประโยชน์ของพวกตน หรือการตอบแทนบุญคุณของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และการตอบคำถามประชาชนที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติรัฐกิจให้ถูกต้องตามหลักการของประชาธิปไตยเท่านั้น
ด้วยความเคารพ กลุ่มญาติผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง พ.ศ. 2553
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)