Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

วันนี้เป็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 หากนับย้อนกลับไปวันนี้เมื่อปีที่ผ่านมาก็คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 อันเป็นวันเลือกตั้งภายหลังการยุบสภาตามกระบวนการที่ระบุเอาไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายการเลือกตั้ง แน่นอนวันนี้เมื่อปีที่แล้วผมตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อออกไปลงคะแนนใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างกระตือรือร้น นึกย้อนดูให้ดีเรื่องเมื่อเช้าวันนั้นเหมือนพึ่งเกิดไปเมื่อเช้าวันนี้นี่เอง แม้มันจะห่างกันเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มก็ตาม...


ถึงวันนี้ และกระทั่งในช่วงเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นผมก็ยังไม่สามารถเข้าใจเจตนาของผู้ที่ปิดคูหาเลือกตั้งในวันนั้นได้เลยแม้แต่น้อยว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ทั้งๆที่ตัวผมเองก็ได้พยายามทบทวนสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นพูดมาหลายครั้งจนตัวผมเองก็เกือบจะคล้อยตามหลักการอันสวยหรูนั้นไปเช่นกัน หากมิใช่เพราะการกระทำของพวกเขามันขัดกับสิ่งที่พวกเขาพูดราวฟ้ากับเหว ทุกวันนี้ผมเองยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจะมีเหตุผลอะไรหรือที่จะทำให้คนที่ประกาศตนว่าจะสร้าง “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” จึงต้องออกมา “ปิดหน่วยเลือกตั้ง” ในวันนั้นเพื่อไม่ให้ประชาชนคนอื่นๆเข้าไปใช้สิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง? พวกเขามีเหตุผลหรือความชอบธรรมอะไรหรือถึงสามารถทำร้ายร่างกายประชาชนคนอื่นๆที่ต้องการไปลงคะแนนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง? คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของผมเกือบทุกครั้งที่ผมหวนคิดถึงการเลือกตั้งในวันนั้นและทุกครั้งคำตอบที่ได้ก็มีแต่เพียงความว่างเปล่า

แน่นอนมันไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่านักกับการออกมารำพึงรำพัน (ออกจะเป็นเหมือนการ “บ่น” เสียมากกว่าด้วยซ้ำ) ถึงเรื่องที่ผ่านมา เพราะผู้ปิดหน่วยเลือกตั้งในวันนั้นหลายคนก็ยังคงเชื่อว่าการกระทำของตนนั้น “ถูกต้อง” และ “สมควร” แล้ว แถมหลายๆคนก็ยังได้ดิบได้ดีมียศถาบรรดาศักดิ์รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนกันหน้าชื่นตาบานผ่านช่องทางพิเศษแบบ Easy Pass หากแต่ผมเองก็ยังไม่เชื่อว่าพวกเขาจะหูหนวกตาบอดกันเสียทั้งหมด จนไม่รู้ว่าการกระทำของพวกเขานั้นนำมาสู่สภาวะแบบปัจจุบัน เว้นเสียแต่เขาจะเป็นพวกหลอกตัวเองหรือไม่ก็คงไร้เดียงสาอย่างไม่น่าให้อภัย 

ถึงวันนี้ผมจึงสงสัยเสียเหลือเกินว่า “มิตรสหาย” กลุ่มนั้นเขาจะรู้ไหมหนอว่าการกระทำของเขาทำให้ประชาชนจำนวนหลายร้อยคนต้องถูกเรียกไปคุมขัง เขาจะรู้ไหมหนอว่าการพยายามสร้าง “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ของพวกเขาในวันนั้นทำให้ในวันนี้เรา “ไม่เหลือประชาธิปไตย” เลย และคำถามที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาได้ “ทบทวนตัวเอง” กันบ้างหรือไม่ หรือจะทำแค่หลับตากลืนน้ำลายแล้วโยนความผิดบาปนั้นไปให้คนอื่นในทำนองว่า “ทุกคนในสังคมมีส่วนผิดด้วยกันทั้งสิ้น”

เขียนมาถึงจุดนี้ผมเองก็ทำได้แต่เพียงทอดถอนใจด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ด้วยว่าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะความสุขล้นปรี่ดังนั้นแม้ผมจะทอดถอนใจหรือหดหู่เพียงไหนก็คงต้องฉีกยิ้มเอาไว้เสียก่อน หลายท่านอาจจะบอกว่าผมแสร้งยิ้มซึ่งเอาเข้าจริงมันก็เหมือนกับที่ “มิตรสหาย” หลายๆคนของผมบอกว่าตอนนี้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะ “ปกติ” และ “มีความสุข” นั่นแหละครับ สิ่งสุดท้ายที่ยังคงวนเวยนอยู่ในหัวตอนนี้ก็คือ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่บัตรเลือกตั้งที่ผมหย่อนเอาไว้ในวันนั้นจะถูกนำออกมานับคะแนน

ไม่สิ! เพราะบัตรเลือกตั้งของผมและประชาชนอีกหลายล้านคนถูก ตลก.เก้าคนตัดสินว่าเป็นโมฆะไปเสียแล้ว ก็คงต้องตั้งคำถามกันใหม่ ว่าเมื่อไหร่อำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน และเมื่อไหร่กันที่เราจะได้รับคำขอโทษจากกลุ่มคนที่ขัดขวางมิให้เราได้เลือกตั้งในวันนั้น....

หวังเพียงว่าคำตอบและคำขอโทษของพวกเขาคงไม่ได้อยู่ในสายลมหรอกนะ
 

 

เกี่ยวกับผู้เขียน: ปัจจุบันจักรพล ผลละออ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยบูรพา

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net