Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ในประเทศๆ หนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เคยมีเขตแดนกว้างใหญ่ไพศาลไปถึงเทือกเขาอัลไต มีความเป็นมากว่า 700 ปี เป็นเมืองพุทธ ผู้คนรักสงบ มีจิตใจที่เมตตา กรุณา อุเบกขา ถือศีลห้าเหล้ายาไม่แตะ ผู้คนอยู่กันในนามสยามเมืองยิ้ม แต่ทว่าในนามของเมืองศีลธรรมดีเด่นที่ชอบนำมาเชิดหน้าชูตากันกลับแฝงซ้อนไปด้วยความอำมหิตและน่าขยะแขยงทางความคิดอยู่หลายๆ อย่าง ภายใต้หนังสือสวดมนต์ที่คอยบูชาเช้าเย็นๆ กลับไม่ช่วยทำให้จิตใจของคนเหล่านี้มองเห็นถึงคุณธรรมพื้นๆ ที่ควรมีต่อเพื่อมนุษย์ด้วยกันเสียเลย

ประเด็นที่เราคงจะเห็นกันชัดเจนก็คงเป็น กรณีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา ที่ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นเนื่องจากมีการค้นพบเจอหลุมศพของชาวโรฮิงญา และผู้อพยพที่มาจากประเทศพม่า และบังกลาเทศ ซึ่งมีเบาะแสชัดเจนถึงขบวนการค้ามนุษย์ที่มีเส้นทางผ่านสำคัญอยู่ที่ประเทศไทย และที่สำคัญคือยังมีชาวโรฮิงญาที่หนีภัยอยู่จำนวนมากที่ต้องถูกปล่อยลอยแพอยู่กลางน่านน้ำทั้งในไทย มาลเซีย และอินโดนีเซีย โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมตามข้อตกลงของกฎหมายระหว่างประเทศ แถมยังมีการผลักความรับผิดชอบกันไปกันมาอีก แต่สิ่งที่เราควรจะต้องมาพูดถึงกันก็คือความคิดที่ “เหยียดชาติพันธุ์” (Racism) และ “อาการเกลียดกลัวคนต่างชาติ” (Xenophobia) ที่กำลังสำลักต่อศีลธรรมของทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่เอาประชาธิปไตย-เอาประชาธิปไตยในไทยกันน่ารื่นรมย์

ในยุโรปเองหากเมื่อมีผู้แสดงความเห็นเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย/ผู้อพยพว่าเป็นตัวก่อปัญหา เป็นตัวทำลายความดีงามของสังคม เป็นภาระ ปรสิต แน่นอนว่านอกจากจะถูกมองว่าเป็นพวกขวาจัดคลั่งชาติ แล้วยังอาจถูกดำเนินคดีในกฏหมายอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง (hate crime) บางประเทศอีกด้วย นี้ไม่ใช่วิธีคิดใหม่ๆ ที่เราเพิ่งพบเจอกันในสังคมไทย แต่เป็นวิธีคิดที่มีมานานอยู่ควบคู่มากับสังคมเผด็จการคลั่งชาติ หรือคนที่มีความคิดต่อต้านหลักการสิทธิมนุษยชนเพราะมองเพียงแต่ผลประโยชน์ส่วนตนและชาติตนเป็นหลักจนลืมคำนึงถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ต้องตกยากจะตายวันตายรุ่ง ดังนั้นคนพวกนี้ในสังคมยุโรปตะวันตกที่เคารพหลักการประชาธิปไตยนั้นจึงไม่ได้จะให้การยอมรับบุคคลประเภทนี้ที่ล้วนเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความเกลียดชังและเห็นแก่ตัว ซึ่งเราเรียกพวกนี้ว่า far-right หรือขวาจัดนั้นเอง

ย้อนกลับมาที่เมืองไทยหากเราพิจารณากันแบบใช้สติบ้างเราจะพบว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศหลักที่ผู้อพยพส่วนใหญ่สมัครขอลี้ภัยในดินแดนคนพุทธใจบาป แต่ประเทศไทยนั้นเป็นเพียงแค่ประเทศที่ 2 ที่คอยส่งผู้ลี้ภัยเหล่านี้ไปยังประเทศที่ 3 เช่น อเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย ฯลฯ[1] โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาที่ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามล้วนต้องการขอลี้ภัยต่อไปยังประเทศที่เป็นรัฐอิสลามที่ที่พวกเขารู้สึกสบายใจที่จะอยู่ และงบประมาณที่บรรดาองค์กรที่รับผิดชอบช่วยเหลือบรรดากลุ่มผู้ลี้ภัยในไทยนั้นล้วนมาจากงานระดมทุนจากองค์กร UNHCR สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ และความช่วยเหลือต่างๆ นั้นล้วนมาจากกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs)[2] แม้ว่ารัฐบาลไทยจะเป็นผู้ดูแลก็ตาม ดังนั้นแล้วบรรดาผู้ที่จงเกลียดจงชังไม่อยากให้ชาวโรฮิงญาเข้ามาแตะแผ่นดินไทยอันบริสุทธิ์ผุดผ่องจึงโอเวอร์แอคติ้งกันไปเองด้วยจิตใจในเบื้องลึกที่โสมม

กระนั้นก็ตามหากชาวโรฮิงญาต้องการจะมาเป็นผู้ลี้ภัยในไทย แล้วมันจะมีปัญหาจริงหรือ ?

มันคงเป็นเรื่องโกหกคำโตหากเราจะพยายามอ้างถึงวัฒนธรรมไทย และวิถีชีวิตของคนไทยล้วนเป็นวัฒนธรรมเดี่ยวๆ เติบโตมาได้ด้วยวัฒนธรรมชุมชนเดียว กลุ่มชาติพันธุ์ ความเชื่อเดียว เมื่อเรามองจากข้อเท็จจริงในชีวิตของเราตั้งแต่ภาษา การตั้งชื่อ อาหารการกิน ภาษาถิ่น สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดโจงกระเบนที่เราเคลมกันนักหนาว่าเป็นชุดประจำชาติไทยนั้นก็ล้วนมาจากเขมร และราชปะแตนนั้นลอกมาจากอังกฤษ[3] นี้ยังไม่รวมวัฒนธรรมตรุษจีน แป๊ะเจี๊ยะต่างๆ อีกมากมายที่เราควรต้องยอมรับกันได้แล้วว่าเราอยู่ในสังคม “พหุวัฒนธรรม” (multicultuaral society)

และแนวความคิดแบบขวาจัดที่สังคมไทยในตอนนี้กำลังปะทุดุเดือดฟังดูมีเหตุผลในการสร้างความเกลียดชัง เช่น ประเทศไทยยังไม่รวยพอ คนในประเทศยังดูแลไม่พอเลย จะเอาปัญญาที่ไหนไปดูแลพวกอพยพพวกนี้ ? การอ้างข้อจำกัดทางเศรษฐกิจของคนพวกนี้เพื่อกลบปัญหาของสวัสดิการผู้อพยพล้วนเป็นความเห็นแก่ตัวของคนในสังคมนั้นมากๆ เพราะคนจำนวนมากที่เป็นผู้อพยพเข้ามาตั้งรกรากทำงานให้แต่ละประเทศไม่ว่าจะในยุโรปหรือในไทยเองนั้นก็ล้วนแต่เป็นผู้จ่ายภาษีจำนวนมากให้แก่รัฐไม่ใช่น้อยๆ และที่สำคัญฐานแรงงานของคนกลุ่มนี้คือสิ่งสำคัญที่ประเทศทุนนิยมเหล่านี้ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ เพราะว่าแรงงานเหล่านี้ล้วนถูกนำเข้ามาเพื่อทำงานในอาชีพบางอย่างที่คนในประเทศนั้นๆ ไม่ค่อยทำกัน เช่น งานเสี่ยงตาย งานแบกหาม งานโรงงานนรก งานเก็บขยะ คนรับใช้ ซึ่งหากคุณปฏิเสธส่งแรงงานเขมร พม่ากลับประเทศคนที่ชิบหายไม่ใช่ใครแต่คือบรรดานายทุนโรงงานต่างๆ และรายได้เข้ารัฐนี้เอง

ดังนั้นแล้วเมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับสังคมคุณแล้วคุณจะปล่อยให้เขาตายอย่างหมูอย่างหมาโดยไร้ซึ่งความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานทางสังคมเช่น โรงพยาบาล ประกันสังคมเลยหรือ ? และที่สำคัญคือรัฐหรือประเทศนั้นๆ ที่เปิดรับผู้ลี้ภัยนั้นล้วนต้องเปิดโอกาสทางสังคมให้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสังคม ให้เขาได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมในสังคมที่แตกต่างหลากหลาย รวมทั้งช่วยเหลือเขาในการปรับตัว ในการพัฒนาวิชาชีพ ภาษา เหมือนที่สหภาพยุโรปที่ได้ให้ความร่วมมือเหล่านี้กับบรรดาผู้อพยพ (ชาวไทยก็ไม่ใช่น้อยที่หนีวีซ่าไปพึ่งพิงระบบนี้จากยุโรป) ให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่ใช่คนอื่น ต่อให้คุณจะเข้ามาอย่างถูกหรือผิดกฏหมาย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคุณต้องเท่ากัน ไม่ใช่สูงต่ำกว่ากันที่ตัวเลขทางการเงิน

และแน่นอนแรงงานที่เป็นผู้อพยพทุกคนไม่ได้มีทักษะทางวิชาชีพอะไรใหญ่โตเพราะพวกเขาล้วนเป็ยบุคคลที่ไม่ได้รับโอกาสทางสังคมอย่างเสมอภาค และโดนกดขี่ ไล่ล่า ถูกจับดำเนินคดีมาเป็นเวลายาวนาน สิ่งที่รัฐควรต้องเข้าไปส่งเสริมให้เขาเป็นแรงงานที่มีประสิทธิภาพคือ การคำนึงถึงการฝึกอาชีพ และสวัสดิภาพทางร่างกายและสุขภาพ เพื่อให้เขาได้ค้นพบงานที่เขาทำแล้วมีความสุขและจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ใช่ว่าเราจะผลักเขาออกไปด้วยควาเกลียดชัง และหลังจากนั้นความรู้สึกเกลียดชังที่เขาได้รับจะกลายมาเป็นแรงต่อต้านเป็นอริต่อรัฐหรือประเทศนั้นๆ เอง

และความคิดอันน่ารังเกียจอีกอย่างจากบรรดาชาวไทยที่พยายามต่อว่าคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวกขยันผลิตลูกวันๆ ไม่ทำอะไร คงต้องถามกลับว่ารัฐไทยมีอะไรให้เขาทำ มีพิพิธภัณฑ์ดีๆ มีห้องสมุดสาธารณะดีๆ ให้เข้าฟรีบ้างหรือเปล่า ? และสวัสดิการที่รัฐไทยดูแลพวกเขามันทำให้พวกเขาได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิตเขาหรือไม่ ? และสำหรับคนรวยที่มีโอกาสทางสังคมมากกว่าผู้อื่นก็มักจะนิยมบ่นคนจนทั้งคนไทยเอง และคนอพยพว่าจนแล้ว “กระแดะ” ปั้มลูกเยอะไม่เจียมกะลาหัว นี้ก็ล้วนเป็นความคิดของพวกมนุษย์ที่มีอันจะกินและได้ประโยชน์จากสังคม ระบบเศรษฐกิจ กฏหมาย ให้แก่ลูกหลานและครอบครัวตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นระบบอุปถัมภ์ เครือข่ายเกื้อกูลผ่านการบริจาคใต้โต๊ะ โรงเรียนดีๆ ดังๆ ที่เรียนพิเศษราคาแพงๆ ฯลฯ ที่ล้วนแต่เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มครอบครัวเฉพาะของพวกตน แต่พอความเสมอภาคทางสังคมเริ่มแพร่ขยายไปเรื่อยๆ ผลประโยชน์ที่กระจุกอยู่ที่คนไม่กี่กลุ่มจึงถูกแบ่งกระจาย นี้จึงเป็นอีกความเห็นที่น่ารังเกียจที่เรามักจะเห็นคนรวยอยากจะทำหมันเพื่อปิดโอกาสลูกหลานคนจน และคนอพยพไม่ให้มาแบ่งปันผลประโยชน์ทางสังคมของพวกเขา

สำหรับตัวอั้มเองต่อให้อั้มนั้นไม่นับถือศาสนาใดๆ แต่สำหรับเรานั้น “มนุษยธรรม” ที่เราควรมีต่อเพื่อมนุษย์นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด คุณค่าของเราไม่ได้อยู่ที่ว่าเรานับถือศาสนาอะไร แต่อยู่ที่ว่าเราเป็นคนเท่าๆ กัน และที่สำคัญหากเพื่อนมนุษย์เรากำลังตกทุกข์จากระบบบทางสังคมที่ไม่เป็นธรรม หน้าที่ของเราในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งคือต้องช่วยเหลือ แน่นอนค่ะว่าการแก้ปัญหากรณีโรฮิงญาต้องแก้ที่รัฐบาลพม่าเผด็จการ แต่อย่าโง่จนลืมคิดไปหน่อยเลยว่าการแก้ปัญหาที่ตัวรัฐบาลเผด็จการมันไม่ใช่เรื่องที่สามวันสี่วันจะเสร็จ เราอาจจะต้องส่งผู้ลี้ภัยทั่วโลกกลับไปประเทศของเขาให้หมดแล้วบอกว่าต้องแก้ปัญหาที่ตัวรัฐบาลเผด็จการพวกนั้นสิ โดยไม่สนว่าพวกนั้นจะถูกฆ่าตาย ปาหินตายเพราะเป็นเกย์ ถูกยิงตายเพราะขัดแย้งกับรัฐบาล โดยใช้ข้ออ้างงี่เง่าว่าต้องแก้ปัญหาที่ตัวรัฐบาลนั้นๆ ทางเดียวเพื่อที่จะปัดความรับผิดชอบในการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับปัญหาที่ยังแก้ไม่เสร็จก่อนได้ นี้คือความคิดอันน่ารังเกียจเห็นแก่ตัวที่สุดยิ่งหากมันออกมาจากปากของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สนับสนุนสิทธิมนุษยชน ต่อต้านเผด็จการแล้วนั้น สิ่งที่คุณต่อสู้มาทั้งหมดมันก็เหมือนหาได้มีคุณค่าใดๆ

           
การลี้ภัยไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ ผู้คนจำนวนมากหนีตายรัฐบาลเผด็จการ ปัญหาทางเศรษฐกิจมาตายกลางทาง ในทะเล ข้างถนน เพราะเขาต้องการที่จะได้รับการปฏิบัติในฐานะ “มนุษย์” คนหนึ่ง แต่สำหรับคนที่มีอันจะกินและได้รับอภิสิทธิ์ทางสังคมอยู่แล้วก็หาได้มีภาระที่จะต้องมาคิดถึงปัญหาของคนๆ อื่นในสังคม จนกระทั่งวันหนึ่งที่คนพวกนี้ต้องหนีตายจากภัยสงคราม รัฐบาลเผด็จการกลั่นแกล้ง แล้ววันนั้นคนพวกนี้จะค่อยหันมาเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิมนุษยชน” และ “ประชาธิปไตย”

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net