อัคราฯ อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ยื่นหนังสืออุทธรณ์ โต้แย้งคำสั่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ วอนขอความเป็นธรรม พร้อมเดินหน้าสื่อสารความจริงแก่สังคม
 
4 มิ.ย. 2559 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการฝ่ายประสานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการเคลื่อนไหวของบริษัทฯ จากกรณีคำสั่งปิดเหมืองแร่ทองคำชาตรีสิ้นปี 2559 ว่าเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งหนังสือขออุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ 1/2551 ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ตามหนังสือของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ที่ อก 0512/1853 ฉบับลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2559 ถึงอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผลการประชุมของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา มีมติยุติการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำและประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ รวมถึงคำขอต่ออายุประทานบัตรทั่วประเทศ ในส่วนของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีมติเห็นควรให้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมไปจนถึงสิ้นปี 2559 หลังจากนั้นให้ทางบริษัทปิดเหมืองและฟื้นฟูพื้นที่ตามแผนที่วางไว้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่จากกรณีมีกลุ่มประชาชนที่อ้างว่าได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากการประกอบกิจการเหมืองฯ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินงานเหมืองแร่ทองคำชาตรี เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อบริษัทฯ และพนักงาน จึงวิงวอนให้ภาครัฐหาข้อสรุปด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้กระจ่างตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และคลายความกังวลใจที่เกิดขึ้นในชุมชน
 
อย่างไรก็ตาม การยื่นหนังสือขออุทธรณ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าบริษัทฯ ได้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีตามมาตรฐานสากล ด้วยความรับผิดชอบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมเสมอมาตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ซึ่งการประกอบกิจการนั้นเป็นไปตามกฏหมาย และปฏิบัติตามมาตรการ EHIA อย่างเคร่งครัดทุกประการ
 
“เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตอยู่อีก 13 ฉบับ ซึ่งมีอายุประทานบัตรไล่เลี่ยกันจนถึงปี 2571 จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการนำสินแร่ที่มีอยู่ขึ้นมาได้ทันภายในระยะเวลาเพียงสิ้นปี 2559 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกองสินแร่ที่ต้องดำเนินการในโรงประกอบโลหกรรมนี้ต่อไปอีกจำนวนมาก และต้องใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ เริ่มดำเนินกิจการ บริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่ากิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบเหมืองแร่ทองคำชาตรีแต่อย่างใด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนช่วยสร้างให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยทั้งในระดับท้องถิ่นและต่อประเทศไทยโดยรวม” นายเชิดศักดิ์ กล่าว
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการตรวจวัดทางสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด ได้จัดให้มีการตรวจวัดฝุ่น เสียง น้ำ แรงสั่นสะเทือน และก๊าซจากปล่องในโรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนตรวจสุขภาพประชาชนที่อาศัยโดยรอบทุกๆ 3 เดือนตามหลักวิชาการ และข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน จากหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยตรง คือกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกๆ 3 และ 6 เดือนอยู่สม่ำเสมอ จึงไม่ใช่สาเหตุที่ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพตามที่เกิดเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำนินการให้ข้อมูล และหลักฐานทางวิชาการต่างๆ แก่หน่วยงานที่กำกับดูแลอยู่เป็นระยะ และพร้อมให้ข้อมูลดังกล่าวแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณะชน
 
นอกจากนี้ การดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีนั้น ได้มาตรฐานสากลมีความปลอดภัยต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบบริหารจัดการบ่อเก็บกากแร่ (บ่อ TSF) ได้รับการรับรองความปลอดภัยสูงสุดในการใช้สารไซยาไนด์ หรือ Cyanide Management Code ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในวงการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทั่วโลก ซี่งมีเหมืองแร่เพียง 70 แห่งทั่วโลกเท่านั้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยนี้ โดยเหมืองแร่ทองคำชาตรีคือหนึ่งในนั้น นอกจากนั้นเหมืองแร่ทองคำชาตรีของ บริษัท อัคราฯ ยังเป็น 1 ใน 12 สถานประกอบการในประเทศไทยไทยที่ได้รับมาตรฐาน SA 8000
 
“ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการจ้างพนักงงานทั้งหมดกว่า 1,000 คน พร้อมครอบครัว 4,000-6,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดคือ พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลกต้องลำบาก เพราะบางคนอายุมากเกินกว่าจะไปหางานใหม่ นอกจากนี้คนงานมีภาระหนี้สินผ่อนบ้านผ่อนรถ ต้องได้รับผลกระทบจากการตกงาน พ่อแม่ต้องไปหางานนอกพื้นที่ ทำให้ครอบครัวแตกแยก อีกทั้งโครงการที่เหมืองสนับสนุนอยู่ ก็ไม่มีเงินสนับสนุนต่อไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำดื่มสะอาด การบรรเทาภัยแล้ง การสนับสนุนโรงเรียน โครงการสร้างอาชีพจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ  ทำให้มีเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี” นายเชิดศักดิ์ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท